Site uses cookies to provide basic functionality.

OK
NUMBERS
Up
Chapter 1
Numb ThaiKJV 1:1  ณ วันที่หนึ่งเดือนที่สองปีที่สองตั้งแต่เขาทั้งหลายออกจากประเทศอียิปต์ พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสในพลับพลาแห่งชุมนุม ณ ถิ่นทุรกันดารซีนายว่า
Numb ThaiKJV 1:2  “เจ้าจงนับชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษตามจำนวนรายชื่อผู้ชายเรียงตัวทุกคน
Numb ThaiKJV 1:3  ตั้งแต่อายุได้ยี่สิบปีขึ้นไปบรรดาคนที่ออกรบได้ในกองทัพพวกอิสราเอล เจ้ากับอาโรนจงจัดตั้งเขาทั้งหลายไว้เป็นกองๆ
Numb ThaiKJV 1:4  และจงมีคนอยู่ด้วยเจ้าจากทุกตระกูล ทุกคนนั้นให้เป็นหัวหน้าในเรือนบรรพบุรุษของเขา
Numb ThaiKJV 1:5  และเหล่านี้คือชื่อชายทั้งปวงที่จะยืนอยู่กับเจ้าคือ เอลีซูร์บุตรชายเชเดเออร์ จากตระกูลรูเบน
Numb ThaiKJV 1:6  เชลูมิเอลบุตรชายซูริชัดดัย จากตระกูลสิเมโอน
Numb ThaiKJV 1:7  นาโชนบุตรชายอัมมีนาดับ จากตระกูลยูดาห์
Numb ThaiKJV 1:8  เนธันเอลบุตรชายศุอาร์ จากตระกูลอิสสาคาร์
Numb ThaiKJV 1:9  เอลีอับบุตรชายเฮโลน จากตระกูลเศบูลุน
Numb ThaiKJV 1:10  จากลูกหลานของโยเซฟ มีเอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูด จากตระกูลเอฟราอิม และกามาลิเอลบุตรชายเปดาซูร์ จากตระกูลมนัสเสห์
Numb ThaiKJV 1:11  อาบีดันบุตรชายกิเดโอนี จากตระกูลเบนยามิน
Numb ThaiKJV 1:12  อาหิเยเซอร์บุตรชายอัมมีชัดดัย จากตระกูลดาน
Numb ThaiKJV 1:13  ปากีเอลบุตรชายโอคราน จากตระกูลอาเชอร์
Numb ThaiKJV 1:14  เอลียาสาฟบุตรชายเดอูเอล จากตระกูลกาด
Numb ThaiKJV 1:15  อาหิราบุตรชายเอนัน จากตระกูลนัฟทาลี”
Numb ThaiKJV 1:16  คนเหล่านี้เป็นคนที่ชุมนุมชนเลือกให้เป็นประมุขแห่งตระกูลของบรรพบุรุษของเขา เป็นหัวหน้าคนอิสราเอลที่นับเป็นพันๆ
Numb ThaiKJV 1:17  โมเสสและอาโรนได้นำคนเหล่านี้ที่ระบุชื่อมาแล้ว
Numb ThaiKJV 1:18  และในวันที่หนึ่งเดือนที่สองคนเหล่านี้ก็เรียกประชุมชนทั้งหมด เข้ามาขึ้นทะเบียนตามครอบครัวและตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อเรียงตัวคนทั้งปวงที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป
Numb ThaiKJV 1:19  ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโมเสสไว้ ท่านจึงนับคนที่ถิ่นทุรกันดารซีนายดังนี้
Numb ThaiKJV 1:20  คนรูเบนบุตรหัวปีของอิสราเอล โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อผู้ชายเรียงตัวทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:21  จำนวนคนในตระกูลรูเบนเป็นสี่หมื่นหกพันห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:22  คนสิเมโอน โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ทุกคนที่เขานับตามจำนวนรายชื่อผู้ชายเรียงตัวทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:23  จำนวนคนในตระกูลสิเมโอนเป็นห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:24  คนกาด โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:25  จำนวนคนในตระกูลกาดเป็นสี่หมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบคน
Numb ThaiKJV 1:26  คนยูดาห์ โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:27  จำนวนคนในตระกูลยูดาห์เป็นเจ็ดหมื่นสี่พันหกร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:28  คนอิสสาคาร์ โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:29  จำนวนคนในตระกูลอิสสาคาร์เป็นห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:30  คนเศบูลุน โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:31  จำนวนคนในตระกูลเศบูลุนเป็นห้าหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:32  จากลูกหลานของโยเซฟ คือคนเอฟราอิม โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:33  จำนวนคนตระกูลเอฟราอิมเป็นสี่หมื่นห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:34  คนมนัสเสห์ โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:35  จำนวนคนในตระกูลมนัสเสห์เป็นสามหมื่นสองพันสองร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:36  คนเบนยามิน โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:37  จำนวนคนในตระกูลเบนยามินเป็นสามหมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:38  คนดาน โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:39  จำนวนคนในตระกูลดานเป็นหกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:40  คนอาเชอร์ โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:41  จำนวนคนในตระกูลอาเชอร์เป็นสี่หมื่นหนึ่งพันห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:42  คนนัฟทาลี โดยพงศ์พันธุ์ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ออกรบได้ทั้งหมด
Numb ThaiKJV 1:43  จำนวนคนในตระกูลนัฟทาลีเป็นห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 1:44  จำนวนคนเหล่านี้เป็นคนที่โมเสสกับอาโรน และประมุขทั้งสิบสองคนของคนอิสราเอล ผู้แทนเรือนบรรพบุรุษของตนได้นับไว้
Numb ThaiKJV 1:45  ฉะนั้นจำนวนคนอิสราเอลทั้งหมดที่นับตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนในอิสราเอลซึ่งออกรบได้
Numb ThaiKJV 1:46  จำนวนคนทั้งหมดที่นับนั้นเป็นหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน
Numb ThaiKJV 1:47  แต่มิได้นับคนเลวีตามตระกูลบรรพบุรุษของตนรวมด้วย
Numb ThaiKJV 1:48  เพราะพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 1:49  “เฉพาะตระกูลเลวีเจ้าอย่านับและอย่าทำสำมะโนครัวไว้ในคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 1:50  แต่เจ้าจงตั้งคนเลวีไว้สำหรับพลับพลาพระโอวาท สำหรับบรรดาเครื่องใช้กับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพลับพลา ให้เขาขนพลับพลาและบรรดาเครื่องใช้ กับปฏิบัติงานพลับพลานั้นและตั้งเต็นท์อยู่รอบพลับพลา
Numb ThaiKJV 1:51  เมื่อจะยกพลับพลาไปคนเลวีจะต้องรื้อพลับพลาลง และเมื่อจะตั้งพลับพลาขึ้นก็ให้คนเลวีเป็นผู้จัดตั้ง ผู้อื่นเข้ามาใกล้พลับพลา ผู้นั้นต้องถูกโทษถึงตาย
Numb ThaiKJV 1:52  ให้คนอิสราเอลตั้งเต็นท์ตามที่ของตนแต่ละพวก และแต่ละคนตามค่ายของตน และแต่ละคนตามธงตระกูลของตน
Numb ThaiKJV 1:53  แต่ให้คนเลวีตั้งเต็นท์รอบพลับพลาพระโอวาท เพื่อมิให้พระพิโรธเกิดเหนือชุมนุมชนอิสราเอล ให้ตระกูลเลวีปฏิบัติงานพลับพลาพระโอวาท”
Numb ThaiKJV 1:54  คนอิสราเอลก็กระทำดังนั้น เขาทั้งหลายกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ทุกประการ
Chapter 2
Numb ThaiKJV 2:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
Numb ThaiKJV 2:2  “ให้คนอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามธงของตนทุกคน ตามธงตราเรือนบรรพบุรุษของตน ให้ตั้งเต็นท์หันหน้าเข้าหาพลับพลาแห่งชุมนุมทุกด้าน
Numb ThaiKJV 2:3  พวกที่ตั้งค่ายด้านตะวันออกทางดวงอาทิตย์ขึ้น ให้เป็นของธงค่ายยูดาห์ตามกองของเขา นาโชนบุตรชายอัมมีนาดับจะเป็นนายกองของคนยูดาห์
Numb ThaiKJV 2:4  พลโยธาที่นับไว้นี้มีเจ็ดหมื่นสี่พันหกร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:5  ให้ตระกูลอิสสาคาร์ตั้งค่ายเรียงถัดมา เนธันเอลบุตรชายศุอาร์จะเป็นนายกองของคนอิสสาคาร์
Numb ThaiKJV 2:6  พลโยธาที่นับไว้นี้มีห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:7  ให้ตระกูลเศบูลุนเรียงถัดยูดาห์ไป เอลีอับบุตรชายเฮโลนจะเป็นนายกองของคนเศบูลุน
Numb ThaiKJV 2:8  พลโยธาที่นับไว้นี้มีห้าหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:9  จำนวนชนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายยูดาห์ตามกองของเขาเป็นหนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันสี่ร้อยคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะยกไปก่อน
Numb ThaiKJV 2:10  ให้ธงค่ายของรูเบนตั้งทางทิศใต้ตามกองของเขา เอลีซูร์บุตรชายเชเดเออร์จะเป็นนายกองของคนรูเบน
Numb ThaiKJV 2:11  พลโยธาที่นับไว้นี้มีสี่หมื่นหกพันห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:12  ให้ตระกูลสิเมโอนตั้งค่ายเรียงถัดมา เชลูมิเอลบุตรชายซูริชัดดัยจะเป็นนายกองของคนสิเมโอน
Numb ThaiKJV 2:13  พลโยธาที่นับไว้นี้มีห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:14  ให้ตระกูลกาดเรียงถัดรูเบนไป เอลียาสาฟบุตรชายเรอูเอลจะเป็นนายกองของคนกาด
Numb ThaiKJV 2:15  พลโยธาที่นับไว้นี้มีสี่หมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบคน
Numb ThaiKJV 2:16  จำนวนคนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายรูเบนตามกองของเขาเป็นหนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะเป็นพวกที่สอง
Numb ThaiKJV 2:17  แล้วให้ยกพลับพลาแห่งชุมนุมเดินตามไป ให้ค่ายคนเลวีอยู่กลางกระบวนค่าย เขาตั้งค่ายอยู่อันดับใดก็ให้ออกเดินไปตามอันดับนั้น ทุกค่ายตามอันดับตามธงตระกูลของตน
Numb ThaiKJV 2:18  ให้ธงค่ายของเอฟราอิมตั้งทางทิศตะวันตกตามกองของเขา เอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูดจะเป็นนายกองของคนเอฟราอิม
Numb ThaiKJV 2:19  พลโยธาที่นับไว้นี้มีสี่หมื่นห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:20  ให้คนตระกูลมนัสเสห์เรียงถัดมา กามาลิเอลบุตรชายเปดาซูร์จะเป็นนายกองของคนมนัสเสห์
Numb ThaiKJV 2:21  พลโยธาที่นับไว้นี้มีสามหมื่นสองพันสองร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:22  ให้ตระกูลเบนยามินเรียงถัดเอฟราอิมไป อาบีดันบุตรชายกิเดโอนีจะเป็นนายกองของคนเบนยามิน
Numb ThaiKJV 2:23  พลโยธาที่นับไว้นี้มีสามหมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:24  จำนวนคนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายเอฟราอิมตามกองของเขาเป็นหนึ่งแสนแปดพันหนึ่งร้อยคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะเป็นพวกที่สาม
Numb ThaiKJV 2:25  ให้ธงค่ายของดานตั้งทางทิศเหนือตามกองของเขา อาหิเยเซอร์บุตรชายอัมมีชัดดัยจะเป็นนายกองของคนดาน
Numb ThaiKJV 2:26  พลโยธาที่นับไว้นี้มีหกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:27  ให้ตระกูลอาเชอร์ตั้งค่ายเรียงถัดมา ปากีเอลบุตรชายโอครานจะเป็นนายกองของคนอาเชอร์
Numb ThaiKJV 2:28  พลโยธาที่นับไว้นี้มีสี่หมื่นหนึ่งพันห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:29  ให้ตระกูลนัฟทาลีเรียงถัดดานไป อาหิราบุตรชายเอนันจะเป็นนายกองของคนนัฟทาลี
Numb ThaiKJV 2:30  พลโยธาที่นับไว้นี้มีห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 2:31  จำนวนคนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายดาน เป็นหนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะเป็นพวกสุดท้าย เดินตามธงตระกูลของตน”
Numb ThaiKJV 2:32  คนเหล่านี้เป็นชนชาติอิสราเอลที่นับตามเรือนบรรพบุรุษ คนทั้งหมดที่อยู่ในค่ายนับตามกองมีหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน
Numb ThaiKJV 2:33  แต่มิได้นับพวกเลวีรวมเข้าในคนอิสราเอล ตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสส
Numb ThaiKJV 2:34  คนอิสราเอลก็กระทำดังนั้น เขาทั้งหลายตั้งค่ายอยู่ตามธง และยกออกเดินไปทุกคนตามครอบครัวของตน ตามเรือนบรรพบุรุษของตน ตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ทุกประการ
Chapter 3
Numb ThaiKJV 3:1  ต่อไปนี้เป็นพงศ์พันธุ์ของอาโรนและโมเสสครั้งเมื่อพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสบนภูเขาซีนาย
Numb ThaiKJV 3:2  ชื่อบุตรชายของอาโรนมีดังนี้ นาดับบุตรหัวปี อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์
Numb ThaiKJV 3:3  นี่แหละเป็นชื่อบุตรชายของอาโรนที่ได้เจิมไว้เป็นปุโรหิต เป็นผู้ที่ท่านสถาปนาไว้ให้ปฏิบัติในตำแหน่งปุโรหิต
Numb ThaiKJV 3:4  แต่นาดับและอาบีฮูตายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เมื่อเขาเอาไฟที่ผิดรูปแบบมาถวายบูชาต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ที่ถิ่นทุรกันดารซีนาย และต่างก็ไม่มีบุตร ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงได้ปรนนิบัติในตำแหน่งปุโรหิตอยู่ในสายตาของอาโรนบิดาของเขา
Numb ThaiKJV 3:5  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 3:6  “จงนำตระกูลเลวีเข้ามาใกล้ และตั้งเขาไว้ต่อหน้าอาโรนปุโรหิต ให้เขาปรนนิบัติอาโรน
Numb ThaiKJV 3:7  เขาจะปฏิบัติหน้าที่แทนอาโรนและแทนชุมนุมชนทั้งหมดหน้าพลับพลาแห่งชุมนุม ขณะเขาปฏิบัติงานที่พลับพลา
Numb ThaiKJV 3:8  เขาจะดูแลบรรดาเครื่องใช้ของพลับพลาแห่งชุมนุม และปฏิบัติหน้าที่แทนคนอิสราเอล เมื่อเขาปฏิบัติงานที่พลับพลา
Numb ThaiKJV 3:9  จงมอบคนเลวีไว้กับอาโรนและกับบุตรชายทั้งหลายของอาโรน เขาทั้งหลายรับเลือกจากคนอิสราเอลมอบไว้กับอาโรนแล้ว
Numb ThaiKJV 3:10  เจ้าจงแต่งตั้งอาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนให้ปฏิบัติงานตามตำแหน่งปุโรหิต แต่คนอื่นที่เข้ามาใกล้จะต้องถูกลงโทษถึงตาย”
Numb ThaiKJV 3:11  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 3:12  “ดูเถิด เราเองได้เลือกคนเลวีจากคนอิสราเอลแทนบรรดาบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอลที่คลอดจากครรภ์มารดาก่อน คนเลวีจะเป็นของเรา
Numb ThaiKJV 3:13  เพราะบรรดาบุตรหัวปีเป็นของเรา ในวันที่เราได้ประหารชีวิตบุตรหัวปีทั้งหลายในประเทศอียิปต์นั้น เราได้เลือกบรรดาบุตรหัวปีในอิสราเอล ทั้งมนุษย์และสัตว์เดียรัจฉานไว้เป็นของเรา ทั้งหลายเหล่านี้ต้องเป็นของเรา เราคือพระเยโฮวาห์”
Numb ThaiKJV 3:14  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสที่ถิ่นทุรกันดารซีนายว่า
Numb ThaiKJV 3:15  “จงนับคนเลวีตามเรือนบรรพบุรุษและตามครอบครัว คือท่านจงนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่เดือนหนึ่งขึ้นไป”
Numb ThaiKJV 3:16  โมเสสจึงได้นับเขาทั้งหลายตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ดังที่พระองค์ตรัสสั่งไว้
Numb ThaiKJV 3:17  ต่อไปนี้เป็นชื่อบุตรชายของเลวี คือเกอร์โชน โคฮาท และเมรารี
Numb ThaiKJV 3:18  ชื่อบุตรชายของเกอร์โชนตามครอบครัว คือลิบนีและชิเมอี
Numb ThaiKJV 3:19  บุตรชายของโคฮาทตามครอบครัว คืออัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล
Numb ThaiKJV 3:20  และบุตรชายของเมรารีตามครอบครัว คือมาห์ลี และมูชี นี่เป็นครอบครัวคนเลวี ตามเรือนบรรพบุรุษของเขา
Numb ThaiKJV 3:21  วงศ์เกอร์โชนมีครอบครัวลิบนีและครอบครัวชิเมอี เหล่านี้เป็นครอบครัวเกอร์โชน
Numb ThaiKJV 3:22  จำนวนคนทั้งหลาย คือจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่มีอายุตั้งแต่เดือนหนึ่งขึ้นไปเป็นเจ็ดพันห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 3:23  ครอบครัวเกอร์โชนนั้นจะต้องตั้งค่ายอยู่ข้างหลังพลับพลาด้านตะวันตก
Numb ThaiKJV 3:24  มีเอลียาสาฟบุตรชายลาเอลเป็นหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษของเกอร์โชน
Numb ThaiKJV 3:25  งานที่วงศ์เกอร์โชนปฏิบัติในพลับพลาแห่งชุมนุมมีงานพลับพลา งานเต็นท์พร้อมกับเครื่องคลุมเต็นท์ และม่านประตูพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 3:26  ม่านบังลานและม่านประตูลาน ซึ่งอยู่รอบพลับพลาและแท่นบูชา รวมทั้งเชือกโยงทั้งงานสารพัดที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
Numb ThaiKJV 3:27  วงศ์โคฮาทมีครอบครัวอัมราม ครอบครัวอิสฮาร์ ครอบครัวเฮโบรน ครอบครัวอุสซีเอล เหล่านี้เป็นครอบครัวโคฮาท
Numb ThaiKJV 3:28  ตามจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่มีอายุตั้งแต่เดือนหนึ่งขึ้นไปเป็นแปดพันหกร้อยคน เป็นคนปฏิบัติหน้าที่สถานบริสุทธิ์
Numb ThaiKJV 3:29  บรรดาครอบครัวลูกหลานของโคฮาทจะตั้งค่ายอยู่ทางด้านใต้ของพลับพลา
Numb ThaiKJV 3:30  มีเอลีซาฟานบุตรชายอุสซีเอลเป็นหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษของครอบครัวโคฮาท
Numb ThaiKJV 3:31  คนเหล่านี้มีหน้าที่ดูแลหีบพระโอวาท โต๊ะ คันประทีป แท่นบูชาทั้งสองและเครื่องใช้ต่างๆของสถานบริสุทธิ์ ซึ่งปุโรหิตใช้ปฏิบัติงานและม่าน ทั้งงานสารพัดที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
Numb ThaiKJV 3:32  เอเลอาซาร์บุตรชายของอาโรนปุโรหิตเป็นนายใหญ่เหนือหัวหน้าของคนเลวีและตรวจตราผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติสถานบริสุทธิ์
Numb ThaiKJV 3:33  วงศ์เมรารีมีครอบครัวมาห์ลี และครอบครัวมูชี เหล่านี้เป็นครอบครัวเมรารี
Numb ThaiKJV 3:34  จำนวนคนทั้งหลายคือจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปเป็นหกพันสองร้อยคน
Numb ThaiKJV 3:35  และศุรีเอลบุตรชายอาบีฮาอิลเป็นหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษของครอบครัวเมรารี คนเหล่านี้จะตั้งค่ายอยู่ด้านเหนือของพลับพลา
Numb ThaiKJV 3:36  งานที่กำหนดให้แก่ลูกหลานเมรารีคืองานดูแลไม้กรอบพลับพลา ไม้กลอน ไม้เสา ฐานรองและเครื่องประกอบสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ทั้งงานสารพัดที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
Numb ThaiKJV 3:37  และเสารอบลาน พร้อมกับฐานรอง หลักหมุดและเชือกโยง
Numb ThaiKJV 3:38  และบุคคลที่จะตั้งค่ายอยู่หน้าพลับพลาด้านตะวันออกหน้าพลับพลาแห่งชุมนุม ด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้น มีโมเสสและอาโรนกับลูกหลานของท่าน มีหน้าที่ดูแลการปรนนิบัติภายในสถานบริสุทธิ์และบรรดากิจการที่พึงกระทำเพื่อคนอิสราเอล และผู้ใดอื่นที่เข้ามาใกล้จะต้องถูกลงโทษถึงตาย
Numb ThaiKJV 3:39  บรรดาคนที่นับเข้าในคนเลวี ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ เป็นบรรดาผู้ชายทั้งหมดตามครอบครัวที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปเป็นสองหมื่นสองพันคน
Numb ThaiKJV 3:40  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนับบุตรชายหัวปีทั้งหลายของคนอิสราเอล ที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป จงจดจำนวนรายชื่อไว้
Numb ThaiKJV 3:41  เจ้าจงกันพวกเลวีไว้ให้เรา (เราคือพระเยโฮวาห์) ทั้งนี้เพื่อแทนบรรดาบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอล และให้สัตว์ทั้งปวงของคนเลวีแทนสัตว์หัวปีทั้งหลายของคนอิสราเอล”
Numb ThaiKJV 3:42  ดังนั้นโมเสสจึงได้นับบรรดาบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอล ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งท่าน
Numb ThaiKJV 3:43  บุตรชายหัวปีทั้งหลายตามจำนวนชื่อที่นับได้ ซึ่งมีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีสองหมื่นสองพันสองร้อยเจ็ดสิบสามคน
Numb ThaiKJV 3:44  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 3:45  “จงเอาคนเลวีแทนบุตรหัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอล และเอาสัตว์ทั้งหลายของคนเลวีแทนสัตว์ของคนอิสราเอล คนเลวีจะเป็นของเรา เราคือพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 3:46  สำหรับเป็นค่าไถ่บุตรหัวปีของคนอิสราเอลจำนวนสองร้อยเจ็ดสิบสามคนที่เกินจำนวนผู้ชายคนเลวีนั้น
Numb ThaiKJV 3:47  เจ้าจงเก็บคนละห้าเชเขล คือจงเก็บตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ (เชเขลหนึ่งมียี่สิบเก-ราห์)
Numb ThaiKJV 3:48  และมอบเงินซึ่งต้องเสียเป็นค่าไถ่ของคนที่เกินเหล่านั้นให้ไว้แก่อาโรนและลูกหลานของท่าน”
Numb ThaiKJV 3:49  โมเสสจึงเก็บเงินค่าไถ่จากคนเหล่านั้นที่เกินกว่าจำนวนคนที่คนเลวีไถ่ไว้
Numb ThaiKJV 3:50  คือท่านเก็บเงินจากบุตรหัวปีของคนอิสราเอล เป็นเงินจำนวนหนึ่งพันสามร้อยหกสิบห้าเชเขล นับตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์
Numb ThaiKJV 3:51  และโมเสสได้นำเอาเงินค่าไถ่ให้แก่อาโรนและลูกหลานของอาโรน ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ ดังที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้
Chapter 4
Numb ThaiKJV 4:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
Numb ThaiKJV 4:2  “จงทำสำมะโนครัวลูกหลานโคฮาท จากคนเลวี ตามครอบครัวและตามเรือนบรรพบุรุษ
Numb ThaiKJV 4:3  จากคนที่มีอายุสามสิบปีถึงห้าสิบปี ทุกคนที่เข้าปฏิบัติงานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:4  นี่เป็นงานที่ลูกหลานโคฮาทจะกระทำในพลับพลาแห่งชุมนุม คืองานที่กระทำต่อสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด
Numb ThaiKJV 4:5  เมื่อจะเคลื่อนย้ายค่ายไป อาโรนและบุตรชายของท่านจะเข้าไปข้างใน และปลดม่านกำบังออกเอาคลุมหีบพระโอวาทไว้
Numb ThaiKJV 4:6  แล้วเอาหนังของแบดเจอร์คลุม และเอาผ้าสีฟ้าล้วนคลุมบนนั้น และสอดคานหาม
Numb ThaiKJV 4:7  และเอาผ้าสีฟ้าปูลงบนโต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์แล้ววางจานและช้อน อ่างน้ำและคนโทที่รินเครื่องดื่มบูชา และขนมปังหน้าพระพักตร์เป็นนิตย์ก็ให้วางอยู่บนผ้าสีฟ้านั้นด้วย
Numb ThaiKJV 4:8  แล้วเอาผ้าสีแดงคลุม บนนี้เอาหนังของแบดเจอร์คลุมอีก แล้วสอดคานหาม
Numb ThaiKJV 4:9  แล้วให้เขาเอาผ้าสีฟ้าคลุมคันประทีปที่ใช้จุด คลุมตะเกียง ตะไกรตัดไส้ตะเกียง ถาดใส่ตะไกร และบรรดาภาชนะใส่น้ำมันเติมตะเกียง
Numb ThaiKJV 4:10  เอาหนังของแบดเจอร์ห่อตะเกียงและเครื่องประกอบทั้งหมด แล้วใส่ไว้บนโครงหาม
Numb ThaiKJV 4:11  ให้เขาเอาผ้าสีฟ้ามาคลุมแท่นทองคำ เอาหนังของแบดเจอร์คลุมไว้ แล้วสอดคานหาม
Numb ThaiKJV 4:12  และให้เขาเอาผ้าสีฟ้าห่อภาชนะเครื่องใช้ซึ่งใช้อยู่ในสถานบริสุทธิ์และคลุมเสียด้วยหนังของแบดเจอร์ และใส่ไว้บนโครงหาม
Numb ThaiKJV 4:13  ให้เอาขี้เถ้าออกจากแท่นบูชา เอาผ้าสีม่วงคลุมแท่นเสีย
Numb ThaiKJV 4:14  เอาภาชนะประจำแท่นทั้งหมดซึ่งเป็นเครื่องใช้ประจำแท่น มีกระถางไฟ ขอเกี่ยวเนื้อ พลั่ว ชาม และภาชนะประจำแท่นทั้งสิ้นวางไว้ข้างบน แล้วเอาหนังของแบดเจอร์คลุม และสอดคานหาม
Numb ThaiKJV 4:15  เมื่ออาโรนและบุตรชายคลุมสถานบริสุทธิ์และคลุมบรรดาเครื่องใช้ของสถานบริสุทธิ์เสร็จแล้ว เมื่อถึงเวลาเคลื่อนย้ายค่ายลูกหลานโคฮาทจึงจะเข้ามาหาม แต่เขาต้องไม่แตะต้องของบริสุทธิ์เหล่านั้นเกลือกว่าเขาจะต้องตาย สิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นของประจำพลับพลาแห่งชุมนุมซึ่งลูกหลานของโคฮาทจะต้องหาม
Numb ThaiKJV 4:16  แล้วเอเลอาซาร์บุตรชายของอาโรนปุโรหิตจะต้องดูแลน้ำมันสำหรับตะเกียง เครื่องหอม เครื่องธัญญบูชาประจำวัน และน้ำมันเจิม และดูแลพลับพลาทั้งหมดกับบรรดาสิ่งของในพลับพลานั้น คือสถานบริสุทธิ์และเครื่องประกอบด้วย”
Numb ThaiKJV 4:17  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
Numb ThaiKJV 4:18  “อย่าตัดตระกูลครอบครัวคนโคฮาทออกเสียจากคนเลวี
Numb ThaiKJV 4:19  แต่จงกระทำแก่เขาเพื่อจะให้มีชีวิตและไม่ตาย เมื่อเขาทั้งหลายเข้ามาใกล้ของบริสุทธิ์ที่สุดเหล่านั้น คืออาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนจะเข้าไปตั้งเขาทั้งหลายไว้ตามงานและภาระของเขาทุกคน
Numb ThaiKJV 4:20  แต่อย่าให้คนโคฮาทเข้าไปมองของบริสุทธิ์แม้แต่อึดใจเดียวเกลือกว่าเขาจะต้องตาย”
Numb ThaiKJV 4:21  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 4:22  “จงทำสำมะโนครัวลูกหลานเกอร์โชน ตามเรือนบรรพบุรุษตามครอบครัวของเขาด้วย
Numb ThaiKJV 4:23  เจ้าจงนับคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ทุกคนที่เข้าปฏิบัติงานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:24  ต่อไปนี้เป็นการงานของครอบครัวเกอร์โชน คืองานปรนนิบัติและงานแบกภาระ
Numb ThaiKJV 4:25  ให้เขาทั้งหลายขนม่านพลับพลา และขนพลับพลาแห่งชุมนุมพร้อมกับผ้าคลุมและหนังของแบดเจอร์ที่คลุมอยู่ข้างบน และผ้าม่านสำหรับบังประตูพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:26  และม่านบังลาน และม่านทางเข้าประตูลานซึ่งอยู่รอบพลับพลาและแท่นบูชา และเชือกโยง และเครื่องใช้สอยทั้งสิ้น เขาจะต้องทำงานที่ควรกระทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
Numb ThaiKJV 4:27  ให้อาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนบังคับบัญชาบุตรชายทั้งหลายของเกอร์โชนเรื่องทุกสิ่งที่เขาจะต้องขน และงานทุกอย่างที่เขาจะต้องกระทำ และเจ้าจะต้องกำหนดทุกสิ่งที่เขาจะต้องขน
Numb ThaiKJV 4:28  นี่เป็นการงานของครอบครัวคนเกอร์โชนในพลับพลาแห่งชุมนุม และอิธามาร์บุตรชายของอาโรนปุโรหิตจะบังคับดูแลงานของคนเหล่านั้น
Numb ThaiKJV 4:29  ฝ่ายคนเมรารีนั้น เจ้าจงนับเขาตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ
Numb ThaiKJV 4:30  เจ้าจงนับคนที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปี ทุกคนที่เข้าปฏิบัติงานได้เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:31  และต่อไปนี้เป็นสิ่งที่กำหนดให้เขาขน งานทั้งหมดของเขาในการปรนนิบัติพลับพลาแห่งชุมนุม คือไม้กรอบพลับพลา ไม้กลอน ไม้เสาและฐานรอง
Numb ThaiKJV 4:32  เสารอบลานพร้อมกับฐานรอง หลักหมุดและเชือกโยง เครื่องใช้และเครื่องประกอบสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เจ้าจงกำหนดชื่อสิ่งของที่เขาต้องหาม
Numb ThaiKJV 4:33  นี่เป็นการงานของครอบครัวคนเมรารี เป็นงานทั้งหมดของเขาในการปรนนิบัติพลับพลาแห่งชุมนุม ในบังคับบัญชาของอิธามาร์บุตรชายของอาโรนปุโรหิต”
Numb ThaiKJV 4:34  โมเสสและอาโรนและบรรดาหัวหน้าของชุมนุมชนได้นับคนโคฮาท ตามครอบครัวและตามเรือนบรรพบุรุษ
Numb ThaiKJV 4:35  ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปีที่เข้าปฏิบัติงานได้เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:36  และจำนวนคนตามครอบครัวของเขาเป็นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบคน
Numb ThaiKJV 4:37  นี่แหละเป็นจำนวนคนในครอบครัวของโคฮาท บรรดาผู้ปฏิบัติงานในพลับพลาแห่งชุมนุม ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับไว้ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโดยโมเสส
Numb ThaiKJV 4:38  จำนวนคนในลูกหลานเกอร์โชน ตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ
Numb ThaiKJV 4:39  ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปีที่เข้าปฏิบัติงานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:40  จำนวนคนตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ เป็นสองพันหกร้อยสามสิบคน
Numb ThaiKJV 4:41  นี่เป็นจำนวนคนในครอบครัวคนเกอร์โชน บรรดาผู้ปฏิบัติงานในพลับพลาแห่งชุมนุม ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับไว้ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 4:42  จำนวนคนในครอบครัวคนเมรารี ตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ
Numb ThaiKJV 4:43  ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปีที่เข้าปฏิบัติงานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:44  จำนวนคนตามครอบครัวของเขาเป็นสามพันสองร้อยคน
Numb ThaiKJV 4:45  นี่แหละเป็นจำนวนคนที่นับได้ในครอบครัวคนเมรารี ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับไว้ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโดยโมเสส
Numb ThaiKJV 4:46  บรรดาคนเลวีที่นับได้ ผู้ที่โมเสสและอาโรนและบรรดาหัวหน้าของคนอิสราเอลได้นับไว้ ตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ
Numb ThaiKJV 4:47  ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปีที่เข้าปฏิบัติงานและทำงานขนภาระได้ในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 4:48  จำนวนคนที่นับได้นั้นเป็นแปดพันห้าร้อยแปดสิบคน
Numb ThaiKJV 4:49  เขาทั้งหลายได้ถูกนับตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งทางโมเสส ให้ทุกคนทำงานปรนนิบัติหรืองานขนของเขา ดังนี้แหละโมเสสได้นับเขาไว้ตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสส
Chapter 5
Numb ThaiKJV 5:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 5:2  “จงบัญชาคนอิสราเอลให้สั่งบรรดาคนโรคเรื้อน และทุกคนที่มีสิ่งไหลออก และคนใดที่มลทินเพราะการถูกซากศพให้ไปนอกค่าย
Numb ThaiKJV 5:3  เจ้าจงสั่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้ไปนอกค่าย เพื่อมิให้เขากระทำให้ค่ายของเขาซึ่งเราสถิตอยู่ท่ามกลางนั้นเป็นมลทิน”
Numb ThaiKJV 5:4  และคนอิสราเอลก็กระทำตาม และสั่งคนเหล่านั้นให้ไปนอกค่าย พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโมเสสไว้ประการใด คนอิสราเอลก็กระทำตามอย่างนั้น
Numb ThaiKJV 5:5  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 5:6  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ผู้ชายก็ดีหรือผู้หญิงก็ดีกระทำบาปอย่างที่มนุษย์กระทำ คือประพฤติการละเมิดต่อพระเยโฮวาห์ และผู้นั้นมีความผิดแล้ว
Numb ThaiKJV 5:7  ก็ให้ผู้นั้นสารภาพความผิดที่เขาได้กระทำ และให้เขาคืนสิ่งที่ละเมิดซึ่งเขาได้มานั้นเต็มตามเดิม ทั้งเพิ่มอีกหนึ่งในห้าส่วนให้แก่เจ้าของเดิมผู้ที่เขาได้กระทำการละเมิดต่อนั้น
Numb ThaiKJV 5:8  แต่ถ้าคนนั้นไม่มีพี่น้องที่จะรับของคืนก็ให้ถวายของที่คืนนั้นแด่พระเยโฮวาห์ทางปุโรหิตรวมทั้งแกะผู้สำหรับบูชาลบมลทินบาป ซึ่งเขาต้องบูชาลบมลทินบาปของเขา
Numb ThaiKJV 5:9  และของบริสุทธิ์ที่คนอิสราเอลนำมาถวายทุกสิ่งอันนำมาให้แก่ปุโรหิตก็ตกเป็นของปุโรหิต
Numb ThaiKJV 5:10  สิ่งบริสุทธิ์ของทุกคนให้ตกเป็นของปุโรหิตและทุกสิ่งที่เขานำไปถวายปุโรหิตก็ต้องตกเป็นของปุโรหิต”
Numb ThaiKJV 5:11  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 5:12  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ถ้าภรรยาของผู้ชายคนใดหลงประพฤตินอกใจสามี
Numb ThaiKJV 5:13  มีชายอื่นมานอนร่วมกับนางพ้นตาสามีของนาง แม้นางได้กระทำตัวให้เป็นมลทินแล้ว แต่ไม่มีใครรู้เห็นและยังไม่มีพยาน เพราะจับไม่ได้คาที่
Numb ThaiKJV 5:14  จิตหึงหวงก็มาสิงสามี เขาจึงหึงหวงภรรยาของเขา และภรรยาได้กระทำตัวให้มลทิน หรือจิตหึงหวงมาสิงสามี เขาจึงหึงหวงภรรยาของเขา แม้ว่าภรรยามิได้กระทำตัวให้มลทิน
Numb ThaiKJV 5:15  ก็ให้ชายผู้นั้นพาภรรยาของตนไปหาปุโรหิต นำเครื่องบูชาสำหรับภรรยาไป มีแป้งข้าวบาร์เลย์หนึ่งในสิบเอฟาห์ อย่าให้เขาเทน้ำมันหรือใส่กำยานในแป้งนั้น เพราะเป็นธัญญบูชาเรื่องความหึงหวง เป็นธัญญบูชาแห่งความรำลึกฟื้นให้ระลึกถึงความชั่วช้า
Numb ThaiKJV 5:16  และปุโรหิตจะนำนางมาใกล้ให้เข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 5:17  และปุโรหิตจะเอาน้ำบริสุทธิ์ที่ใส่ภาชนะดิน ปุโรหิตจะเอาผงคลีที่พื้นพลับพลาใส่ในน้ำนั้น
Numb ThaiKJV 5:18  และปุโรหิตจะให้นางเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ และแก้มวยผมของนางออก และส่งธัญญบูชาแห่งความรำลึกให้นางถือไว้ อันเป็นธัญญบูชาแห่งความหึงหวง แล้วปุโรหิตจะถือน้ำแห่งความขมขื่นที่นำการสาปแช่งนั้นไว้เอง
Numb ThaiKJV 5:19  แล้วปุโรหิตจะให้นางสาบานตัวว่า ‘ถ้าไม่มีชายใดมานอนกับเจ้า หรือเจ้าไม่หันเหไปกระทำมลทิน เมื่อเจ้ายังอยู่ในอำนาจของสามี ก็ให้เจ้าพ้นเสียจากน้ำแห่งความขมขื่นที่นำการสาปแช่งนี้
Numb ThaiKJV 5:20  แต่ถ้าเจ้าได้หลงไปแม้เจ้าอยู่ในอำนาจของสามีและได้กระทำตัวเองให้เป็นมลทินและชายอื่นนอกจากสามีได้เข้านอนด้วยแล้ว’
Numb ThaiKJV 5:21  ก็ให้ปุโรหิตกระทำให้หญิงนั้นกล่าวคำสาบานแห่งการสาปแช่ง และปุโรหิตจะกล่าวแก่ผู้หญิงนั้นว่า ‘ขอให้พระเยโฮวาห์ทรงกระทำเจ้าให้เป็นคำสาปแช่ง และเป็นคำสาบานท่ามกลางชนชาติของเจ้า ในเมื่อพระเยโฮวาห์กระทำให้โคนขาเจ้าลีบและกระทำท้องเจ้าให้ป่องแล้ว
Numb ThaiKJV 5:22  ขอให้น้ำแห่งคำสาปแช่งนี้เข้าในตัวเจ้ากระทำให้ท้องเจ้าป่อง และกระทำให้โคนขาเจ้าลีบไป’ และนางนั้นจะต้องกล่าวว่า ‘เอเมน เอเมน’
Numb ThaiKJV 5:23  แล้วปุโรหิตจะเขียนคำสาปนี้ลงในหนังสือ และลบความนั้นออกเสียด้วยน้ำแห่งความขมขื่น
Numb ThaiKJV 5:24  แล้วให้หญิงนั้นดื่มน้ำแห่งความขมขื่นที่นำการสาปแช่ง แล้วน้ำที่นำการสาปแช่งนั้นจะเข้าไปในตัวนางเป็นความเฝื่อนฝาด
Numb ThaiKJV 5:25  และปุโรหิตจะเอาธัญญบูชาแห่งความหึงหวงออกจากมือนาง แกว่งไปแกว่งมาถวายธัญญบูชานั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ แล้วนำไปถวายที่แท่นบูชา
Numb ThaiKJV 5:26  และปุโรหิตจะหยิบธัญญบูชากำมือหนึ่งเป็นส่วนที่ระลึก แล้วเผาเสียบนแท่นบูชา แล้วจึงให้หญิงนั้นดื่มน้ำนั้น
Numb ThaiKJV 5:27  เมื่อให้หญิงนั้นดื่มน้ำแล้ว ต่อมา ถ้านางกระทำตัวให้มลทินและประพฤตินอกใจสามี น้ำที่นำการสาปแช่งนั้นจะเข้าในตัวนางเป็นความเฝื่อนฝาด ท้องจะป่องและโคนขาจะลีบไป และหญิงนั้นจะเป็นคำสาปแช่งท่ามกลางชนชาติของนาง
Numb ThaiKJV 5:28  ถ้าหญิงนั้นมิได้มีมลทิน แต่บริสุทธิ์ นางจะพ้นความผิดและตั้งครรภ์
Numb ThaiKJV 5:29  นี่เป็นพระราชบัญญัติเรื่องความหึงหวงเมื่อภรรยาแม้จะอยู่ในอำนาจของสามีได้หลงไปกระทำตนให้มีมลทิน
Numb ThaiKJV 5:30  หรือเมื่อจิตหึงหวงสิงผู้ชาย และเขาหึงหวงภรรยาของเขา แล้วเขาต้องให้นางไปเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ และปุโรหิตจะปฏิบัติต่อนางตามพระราชบัญญัตินี้ทุกประการ
Numb ThaiKJV 5:31  ผู้ชายจึงจะพ้นความชั่วช้า แต่ผู้หญิงจะต้องรับโทษความชั่วช้าของนาง”
Chapter 6
Numb ThaiKJV 6:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 6:2  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อผู้ชายก็ดี ผู้หญิงก็ดี ปลีกตัวด้วยการกระทำสัตย์ปฏิญาณ คือปฏิญาณเป็นนาศีร์ คือปลีกตัวออกถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 6:3  ก็ให้ผู้นั้นปลีกตัวออกจากเหล้าองุ่นและสุรา เขาต้องไม่ดื่มน้ำส้มที่ได้จากเหล้าองุ่นหรือสุรา ไม่ดื่มน้ำองุ่นหรือรับประทานองุ่น ไม่ว่าสดหรือแห้ง
Numb ThaiKJV 6:4  ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมานั้น เขาต้องไม่รับประทานสิ่งใดที่ได้จากต้นองุ่น แม้เป็นเมล็ดหรือเปลือกองุ่นก็ดี
Numb ThaiKJV 6:5  ตลอดเวลาที่เขาปฏิญาณปลีกตัวออกมานั้น อย่าให้มีดโกนถูกศีรษะของเขา เขาต้องบริสุทธิ์จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เขาจะต้องไว้ผมยาว
Numb ThaiKJV 6:6  ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เขาต้องไม่เข้าใกล้ศพ
Numb ThaiKJV 6:7  อย่าทำตัวให้มีมลทินด้วยบิดามารดาหรือพี่น้องชายหญิงที่ตาย เพราะที่เขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเจ้านั้นเป็นพันธนะของเขา
Numb ThaiKJV 6:8  ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมา เขาต้องบริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 6:9  และถ้ามีคนมาตายอยู่ใกล้ตัวเขาปัจจุบันทันด่วน ศีรษะของเขาที่ชำระให้บริสุทธิ์ไว้ก็เป็นมลทินเสียแล้ว เขาต้องโกนศีรษะของเขาในวันชำระตัวคือในวันที่เจ็ดนั้นเขาต้องโกนศีรษะ
Numb ThaiKJV 6:10  ในวันที่แปดเขาต้องนำนกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัวไปให้ปุโรหิตที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 6:11  และปุโรหิตจะถวายบูชาตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึ่งถวายเป็นเครื่องเผาบูชา ลบมลทินให้เขา เพราะเขาได้กระทำผิดเหตุเรื่องศพ และเขาต้องชำระศีรษะให้บริสุทธิ์ในวันนั้นอีก
Numb ThaiKJV 6:12  และให้เขาปลีกตัวออกถวายแด่พระเยโฮวาห์ตลอดเวลาการปลีกตัวของเขา และนำลูกแกะอายุหนึ่งขวบมาเป็นเครื่องบูชาไถ่การละเมิด แต่เวลาก่อนนั้นนับไม่ได้ เพราะการปฏิญาณปลีกตัวของเขานั้นมีมลทินเสียแล้ว
Numb ThaiKJV 6:13  เมื่อเวลาปลีกตัวของเขาครบแล้ว พระราชบัญญัติของพวกนาศีร์มีดังนี้ ให้นำเขามาที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 6:14  ให้เขาถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์ คือลูกแกะผู้อายุขวบหนึ่งที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องเผาบูชา และลูกแกะเมียอายุขวบหนึ่งที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และแกะผู้ตัวหนึ่งที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องสันติบูชา
Numb ThaiKJV 6:15  และขนมปังไร้เชื้อกระจาดหนึ่ง ขนมทำด้วยยอดแป้งคลุกน้ำมัน ขนมแผ่นไร้เชื้อทาน้ำมันพร้อมกับเครื่องธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน
Numb ThaiKJV 6:16  และปุโรหิตจะนำของเหล่านี้ถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ แล้วถวายเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 6:17  และปุโรหิตจะถวายแกะผู้เป็นเครื่องสันติบูชาแด่พระเยโฮวาห์ พร้อมกับขนมปังไร้เชื้อกระจาดหนึ่ง ปุโรหิตจะถวายธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่คู่กันด้วย
Numb ThaiKJV 6:18  และผู้เป็นนาศีร์จะโกนศีรษะแห่งการปลีกตัวนั้นที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม และนำเอาผมที่ศีรษะแห่งการปลีกตัวนั้นไปใส่ไฟที่อยู่ใต้เครื่องสันติบูชาเสีย
Numb ThaiKJV 6:19  เมื่อผู้เป็นนาศีร์โกนผมแห่งการปลีกตัวเสร็จแล้ว ปุโรหิตจะนำเนื้อสันขาหน้าของแกะตัวผู้ที่ต้มแล้ว กับขนมไร้เชื้อก้อนหนึ่งจากกระจาด และขนมแผ่นไร้เชื้อแผ่นหนึ่งวางไว้ในมือทั้งสองของผู้เป็นนาศีร์นั้น
Numb ThaiKJV 6:20  แล้วปุโรหิตจะนำของเหล่านั้นแกว่งไปแกว่งมาเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เป็นส่วนบริสุทธิ์ที่กันไว้สำหรับปุโรหิต พร้อมกับเนื้ออกที่แกว่งถวาย และเนื้อโคนขาที่ถวายแล้ว ต่อจากนี้ผู้เป็นนาศีร์ก็ดื่มน้ำองุ่นได้
Numb ThaiKJV 6:21  นี่เป็นพระราชบัญญัติของผู้เป็นนาศีร์ผู้ปฏิญาณ และเครื่องบูชาของเขาที่ถวายแด่พระเยโฮวาห์ในการปลีกตัว นอกจากสิ่งอื่นๆที่เขาถวายได้ ดังนั้นแหละเขาต้องกระทำตามพระราชบัญญัติของการปลีกตัวออกไปเป็นนาศีร์ ตามที่เขาได้ปฏิญาณไว้”
Numb ThaiKJV 6:22  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 6:23  “จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนว่า ท่านทั้งหลายจงอวยพรแก่คนอิสราเอลดังต่อไปนี้ คือว่าแก่เขาทั้งหลายว่า
Numb ThaiKJV 6:24  ขอพระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรแก่ท่าน และพิทักษ์รักษาท่าน
Numb ThaiKJV 6:25  ขอพระเยโฮวาห์ทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงแก่ท่าน และทรงพระกรุณาท่าน
Numb ThaiKJV 6:26  ขอพระเยโฮวาห์ทรงมีสีพระพักตร์แช่มชื่นต่อท่านและประทานสันติสุขแก่ท่าน
Numb ThaiKJV 6:27  ดังนั้นแหละให้เขาประทับนามของเราเหนือคนอิสราเอล และเราจะได้อวยพรแก่เขาทั้งหลาย”
Chapter 7
Numb ThaiKJV 7:1  เมื่อวันที่โมเสสจัดตั้งพลับพลาเสร็จ และได้เจิมและได้ชำระพลับพลากับบรรดาเครื่องใช้สอยประจำพลับพลาให้บริสุทธิ์ และได้เจิมและชำระแท่นบูชากับภาชนะประจำทั้งหมดให้บริสุทธิ์แล้ว
Numb ThaiKJV 7:2  บรรดาประมุขของคนอิสราเอล หัวหน้าเรือนบรรพบุรุษ คือประมุขของตระกูลต่างๆ ผู้อยู่เหนือผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้ ได้เข้ามาถวายของ
Numb ThaiKJV 7:3  และได้นำของบูชามาถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ มีเกวียนประทุนหกเล่มกับวัวหกคู่ ประมุขสองคนนำเกวียนเล่มหนึ่งและวัวคนละตัว ถวายเสียที่หน้าพลับพลา
Numb ThaiKJV 7:4  แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 7:5  “จงรับของเหล่านี้ไว้จากเขาเพื่อจะได้ใช้ในการปรนนิบัติที่พลับพลาแห่งชุมนุม จงมอบไว้กับคนเลวีแก่ทุกคนตามงานปรนนิบัติของเขา”
Numb ThaiKJV 7:6  โมเสสจึงนำเกวียนและวัวไปมอบให้แก่คนเลวี
Numb ThaiKJV 7:7  ท่านให้เกวียนสองเล่มกับวัวสองคู่แก่บุตรชายทั้งหลายของเกอร์โชนตามงานปรนนิบัติของเขา
Numb ThaiKJV 7:8  ท่านมอบเกวียนสี่เล่มและวัวสี่คู่ให้แก่บุตรชายทั้งหลายของเมรารีตามงานปรนนิบัติของเขา ซึ่งเป็นตามคำชี้แจงของอิธามาร์บุตรชายอาโรนปุโรหิต
Numb ThaiKJV 7:9  แต่ท่านมิได้มอบอะไรให้แก่บุตรชายของโคฮาท เพราะงานปรนนิบัติของเขาเป็นงานที่ต้องหามสิ่งของบริสุทธิ์บนบ่า
Numb ThaiKJV 7:10  และบรรดาประมุขก็นำของบูชามาเพื่องานมอบถวายแท่นบูชาในวันที่ทำพิธีเจิมแท่นบูชานั้น และพวกประมุขต่างก็ถวายเครื่องบูชาของตนหน้าแท่นบูชา
Numb ThaiKJV 7:11  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ให้พวกประมุขมาถวายเครื่องบูชาของเขาวันละคนในงานมอบถวายแท่นบูชา”
Numb ThaiKJV 7:12  ผู้ที่ถวายเครื่องบูชาในวันแรกคือนาโชนบุตรชายอัมมีนาดับแห่งตระกูลยูดาห์
Numb ThaiKJV 7:13  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล และชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:14  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:15  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:16  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:17  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของนาโชนบุตรชายของอัมมีนาดับ
Numb ThaiKJV 7:18  วันที่สองเนธันเอลบุตรชายศุอาร์ประมุขของตระกูลอิสสาคาร์ถวายของ
Numb ThaiKJV 7:19  เขาถวายของถวายของเขาเป็นจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:20  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:21  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:22  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:23  และวัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของเนธันเอลบุตรชายของศุอาร์
Numb ThaiKJV 7:24  วันที่สามเอลีอับบุตรชายเฮโลนประมุขของคนเศบูลุนถวายของ
Numb ThaiKJV 7:25  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:26  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:27  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:28  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:29  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลีอับบุตรชายของเฮโลน
Numb ThaiKJV 7:30  วันที่สี่เอลีซูร์บุตรชายของเชเดเออร์ประมุขของคนรูเบนถวายของ
Numb ThaiKJV 7:31  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:32  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:33  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:34  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:35  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลีซูร์บุตรชายของเชเดเออร์
Numb ThaiKJV 7:36  วันที่ห้าเชลูมิเอลบุตรชายซูริชัดดัยประมุขของคนสิเมโอนถวายของ
Numb ThaiKJV 7:37  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:38  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:39  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:40  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:41  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของเชลูมิเอลบุตรชายของซูริชัดดัย
Numb ThaiKJV 7:42  วันที่หกเอลียาสาฟบุตรชายเดอูเอลประมุขของคนกาดถวายของ
Numb ThaiKJV 7:43  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:44  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:45  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:46  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:47  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลียาสาฟบุตรชายของเดอูเอล
Numb ThaiKJV 7:48  วันที่เจ็ดเอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูดประมุขของคนเอฟราอิมถวายของ
Numb ThaiKJV 7:49  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:50  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:51  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:52  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:53  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลีชามาบุตรชายของอัมมีฮูด
Numb ThaiKJV 7:54  วันที่แปดกามาลิเอลบุตรชายเปดาซูร์ประมุขของคนมนัสเสห์ถวายของ
Numb ThaiKJV 7:55  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:56  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:57  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:58  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:59  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของกามาลิเอลบุตรชายของเปดาซูร์
Numb ThaiKJV 7:60  วันที่เก้าอาบีดันบุตรชายกิเดโอนีประมุขของคนเบนยามินถวายของ
Numb ThaiKJV 7:61  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:62  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:63  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:64  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:65  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของอาบีดันบุตรชายของกิเดโอนี
Numb ThaiKJV 7:66  วันที่สิบอาหิเยเซอร์บุตรชายอัมมีชัดดัยประมุขของคนดานถวายของ
Numb ThaiKJV 7:67  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:68  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:69  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:70  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:71  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของอาหิเยเซอร์บุตรชายของอัมมีชัดดัย
Numb ThaiKJV 7:72  วันที่สิบเอ็ดปากีเอลบุตรชายโอครานประมุขของคนอาเชอร์ถวายของ
Numb ThaiKJV 7:73  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:74  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:75  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:76  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:77  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของปากีเอลบุตรชายของโอคราน
Numb ThaiKJV 7:78  วันที่สิบสองอาหิราบุตรชายเอนันประมุขของคนนัฟทาลีถวายของ
Numb ThaiKJV 7:79  ของถวายของเขาคือจานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ภาชนะทั้งสองนี้มียอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 7:80  ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม
Numb ThaiKJV 7:81  วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบูชา
Numb ThaiKJV 7:82  ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:83  วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้า แพะผู้ห้า ลูกแกะอายุหนึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของอาหิราบุตรชายของเอนัน
Numb ThaiKJV 7:84  ต่อไปนี้เป็นของถวายในงานมอบถวายแท่นบูชาจากประมุขของคนอิสราเอล ในวันที่มีพิธีเจิมแท่นบูชานั้นคือจานเงินสิบสองใบ ชามเงินสิบสองใบ ช้อนทองคำสิบสองคัน
Numb ThaiKJV 7:85  จานเงินหนึ่งใบหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล และชามหนึ่งใบหนักเจ็ดสิบเชเขล เงินที่ทำภาชนะทั้งหมดหนักสองพันสี่ร้อยเชเขล ตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์
Numb ThaiKJV 7:86  ช้อนทองคำสิบสองลูก มีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม หนักลูกละสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ทองคำที่ทำช้อนทั้งหมดหนักหนึ่งร้อยยี่สิบเชเขล
Numb ThaiKJV 7:87  สัตว์สำหรับเครื่องเผาบูชา มีวัวผู้สิบสองตัว แกะผู้สิบสอง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบสิบสอง พร้อมกับเครื่องธัญญบูชาคู่กัน และแพะผู้สิบสองตัวสำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 7:88  สัตว์ทั้งหมดที่ถวายเป็นเครื่องสันติบูชา มีวัวผู้ยี่สิบสี่ แกะผู้หกสิบ แพะผู้หกสิบ และลูกแกะอายุหนึ่งขวบหกสิบ นี่แหละเป็นของถวายในงานมอบถวายแท่นบูชาเมื่อได้กระทำการเจิมแล้ว
Numb ThaiKJV 7:89  เมื่อโมเสสได้เข้าไปในพลับพลาแห่งชุมนุมเพื่อจะกราบทูลพระองค์ ท่านได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับท่านมาจากพระที่นั่งกรุณา ซึ่งอยู่บนหีบพระโอวาทท่ามกลางเครูบทั้งสอง และพระสุรเสียงนั้นได้สนทนากับท่าน
Chapter 8
Numb ThaiKJV 8:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 8:2  “จงกล่าวแก่อาโรนว่า เมื่อจะตั้งตะเกียงให้ตะเกียงทั้งเจ็ดส่องแสงข้างหน้าคันประทีป”
Numb ThaiKJV 8:3  และอาโรนได้กระทำดังนั้น ท่านได้ตั้งตะเกียงให้ส่องแสงออกด้านหน้าคันประทีป ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งกับโมเสส
Numb ThaiKJV 8:4  ฝีมือที่ทำคันประทีปเป็นดังนี้ เป็นทองคำใช้ค้อนทุบ ตั้งแต่ฐานขึ้นไปถึงดอกเป็นฝีค้อน ตามแบบอย่างที่พระเยโฮวาห์สำแดงแก่โมเสส เขาจึงทำคันประทีปดังนั้น
Numb ThaiKJV 8:5  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 8:6  “จงยกคนเลวีออกจากคนอิสราเอลและชำระเขาทั้งหลายเสีย
Numb ThaiKJV 8:7  เจ้าจงชำระเขาดังนี้ จงเอาน้ำชำระมาประพรมเขา ให้เขาโกนตลอดทั้งตัว ให้ซักเสื้อผ้าและชำระตัวให้สะอาด
Numb ThaiKJV 8:8  แล้วให้เขาทั้งหลายนำวัวหนุ่มตัวหนึ่ง กับเครื่องธัญญบูชาคู่กัน คือยอดแป้งคลุกน้ำมัน และเจ้าจงนำวัวหนุ่มอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 8:9  แล้วจงพาคนเลวีมาหน้าพลับพลาแห่งชุมนุม และให้คนอิสราเอลมาชุมนุมพร้อมกันหมด
Numb ThaiKJV 8:10  เมื่อเจ้านำคนเลวีมากราบทูลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ให้คนอิสราเอลเอามือของเขาวางบนคนเลวี
Numb ThaiKJV 8:11  และให้อาโรนถวายคนเลวีต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ให้เป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายจากประชาชนอิสราเอล เพื่อเขาจะได้ทำงานปรนนิบัติพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 8:12  แล้วคนเลวีจะเอามือของตนวางบนหัววัวผู้ทั้งสอง เจ้าจงเอาตัวหนึ่งมาถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และอีกตัวหนึ่งให้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ เพื่อลบมลทินบาปของคนเลวี
Numb ThaiKJV 8:13  เจ้าจงตั้งคนเลวีให้คอยรับใช้อาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรน และจงถวายเขาทั้งหลายให้เป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 8:14  ฉะนี้แหละเจ้าจงแยกคนเลวีออกจากคนอิสราเอล และคนเลวีจะเป็นของเรา
Numb ThaiKJV 8:15  ตั้งแต่นั้นไปคนเลวีจะเข้าปฏิบัติงานที่พลับพลาแห่งชุมนุม ในเมื่อเจ้าได้ชำระเขาและกระทำเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายเขาไว้แล้ว
Numb ThaiKJV 8:16  เพราะเขาทั้งหมดถูกแยกออกจากคนอิสราเอล และมอบไว้แก่เรา เราได้รับเขามาเป็นของเราแล้วแทนทุกคนที่เกิดจากครรภ์มารดาก่อนคือ แทนบุตรหัวปีของประชาชนอิสราเอลทั้งหมด
Numb ThaiKJV 8:17  เพราะว่าลูกหัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอลเป็นของเรา ทั้งคนและสัตว์ ในวันที่เราได้สังหารบรรดาลูกหัวปีในแผ่นดินอียิปต์ เราได้เลือกเขาไว้เป็นของเรา
Numb ThaiKJV 8:18  และเราได้เลือกคนเลวีแทนบุตรหัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 8:19  และเราได้ให้คนเลวีจากคนอิสราเอลไว้กับอาโรนและบุตรชายของอาโรน ให้ปฏิบัติงานแทนคนอิสราเอลที่พลับพลาแห่งชุมนุม และทำการลบมลทินให้คนอิสราเอล เพื่อว่าจะไม่มีภัยพิบัติบังเกิดแก่คนอิสราเอล เมื่อคนอิสราเอลเข้ามาใกล้สถานบริสุทธิ์”
Numb ThaiKJV 8:20  โมเสสและอาโรนและชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดได้กระทำต่อคนเลวีดังนั้น ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโมเสสในเรื่องคนเลวีทุกประการ คนอิสราเอลก็กระทำดังนั้น
Numb ThaiKJV 8:21  คนเลวีได้ชำระตนให้สิ้นบาป และซักเสื้อผ้าของตน และอาโรนก็ถวายเขาเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และอาโรนทำการลบมลทินชำระเขา
Numb ThaiKJV 8:22  แต่นั้นมาคนเลวีก็เข้าไปปฏิบัติในพลับพลาแห่งชุมนุม ในการรับใช้อาโรนและบุตรชายของอาโรน ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโมเสสเรื่องคนเลวี เขาจึงได้กระทำอย่างนั้นแก่เขาทั้งหลาย
Numb ThaiKJV 8:23  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 8:24  “เรื่องนี้เกี่ยวกับคนเลวี ให้คนเลวีที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบห้าปีขึ้นไป เข้าไปปฏิบัติงานในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 8:25  พออายุได้ห้าสิบปีให้เขาหยุดปฏิบัติ ไม่ต้องทำงานต่อไป
Numb ThaiKJV 8:26  แต่ให้เขาช่วยพี่น้องในพลับพลาแห่งชุมนุมดูแลการงาน ไม่ต้องลงมือทำเอง เจ้าจงกระทำเช่นนี้แก่คนเลวีเมื่อกำหนดงานให้เขา”
Chapter 9
Numb ThaiKJV 9:1  ในเดือนที่หนึ่งปีที่สองตั้งแต่เขาทั้งหลายออกจากแผ่นดินอียิปต์ พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสที่ถิ่นทุรกันดารซีนายว่า
Numb ThaiKJV 9:2  “ให้คนอิสราเอลถือเทศกาลปัสกาตามเวลาที่กำหนดไว้
Numb ThaiKJV 9:3  คือเดือนนี้ในวันขึ้นสิบสี่ค่ำ เวลาเย็น เจ้าทั้งหลายจงถือเทศกาลปัสกาตามเวลาที่กำหนดนั้น เจ้าจงกระทำตามกฎเกณฑ์และพิธีต่างๆทั้งสิ้นของเทศกาลนั้น”
Numb ThaiKJV 9:4  โมเสสจึงบอกคนอิสราเอลให้ถือเทศกาลปัสกา
Numb ThaiKJV 9:5  เขาทั้งหลายได้ถือเทศกาลปัสกาในเดือนที่หนึ่งวันขึ้นสิบสี่ค่ำเวลาเย็นที่ถิ่นทุรกันดารซีนาย ที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโมเสสทุกประการ คนอิสราเอลก็กระทำตามอย่างนั้น
Numb ThaiKJV 9:6  และมีผู้ชายบางคนที่มีมลทินเพราะถูกต้องศพ จึงถือปัสกาในวันนั้นไม่ได้ เขาจึงมาอยู่ต่อหน้าโมเสสและอาโรนในวันนั้น
Numb ThaiKJV 9:7  เขาเหล่านั้นกล่าวแก่ท่านว่า “เรามีมลทินเพราะได้ถูกต้องศพ ทำไมจึงห้ามมิให้เราถวายเครื่องบูชาของพระเยโฮวาห์ตามวันกำหนดท่ามกลางคนอิสราเอล”
Numb ThaiKJV 9:8  และโมเสสบอกเขาว่า “จงคอยอยู่ก่อนเพื่อเราจะฟังดูว่า พระเยโฮวาห์จะตรัสสั่งอย่างไรเรื่องท่าน”
Numb ThaiKJV 9:9  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 9:10  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ถ้าผู้ใดในพวกเจ้าหรือในเชื้อสายของเจ้ามีมลทินเพราะถูกต้องศพ หรือไปทางไกลก็ให้ผู้นั้นถือปัสกาแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 9:11  ให้ถือปัสกาในเดือนที่สองวันขึ้นสิบสี่ค่ำเวลาเย็น ให้เขากินขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม
Numb ThaiKJV 9:12  เขาทั้งหลายต้องไม่ให้อะไรเหลือจนวันรุ่งขึ้น และไม่หักกระดูกแกะปัสกา ให้กระทำตามกฎในเรื่องถือเทศกาลปัสกาทุกประการ
Numb ThaiKJV 9:13  แต่คนที่สะอาดและมิได้อยู่ในระหว่างการเดินทางแต่งดไม่ถือเทศกาลปัสกา ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากท่ามกลางชนชาติของเขา เพราะเขามิได้นำเครื่องบูชาของพระเยโฮวาห์มาถวายตามกำหนดเวลา ผู้นั้นจะต้องได้รับโทษบาปของเขาเอง
Numb ThaiKJV 9:14  ถ้าคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย ใคร่จะถือเทศกาลปัสกาแด่พระเยโฮวาห์ตามกฎของเทศกาลปัสกาและตามลักษณะก็ให้เขาถือได้ เจ้าจงมีกฎอย่างเดียวสำหรับทั้งคนต่างด้าวและชาวเมือง”
Numb ThaiKJV 9:15  ในวันที่จัดตั้งพลับพลานั้นมีเมฆมาปกคลุมพลับพลาไว้ คือเต็นท์พระโอวาท เวลาเย็นเมฆนั้นก็อยู่เหนือพลับพลาปรากฏเหมือนเพลิงจนรุ่งเช้า
Numb ThaiKJV 9:16  เป็นอย่างนั้นเสมอมา มีเมฆคลุมกลางวัน แต่กลางคืนปรากฏเหมือนเพลิง
Numb ThaiKJV 9:17  เมื่อไรเมฆลอยขึ้นจากพลับพลา ภายหลังนั้นพวกอิสราเอลก็ยกเดินไป ครั้นเมฆนั้นลอยหยุดอยู่ที่ใด คนอิสราเอลก็ตั้งค่ายอยู่ที่นั่น
Numb ThaiKJV 9:18  คนอิสราเอลออกเดินตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ และเขาตั้งค่ายตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ ตราบใดที่เมฆพักอยู่เหนือพลับพลาเขาก็ยังตั้งค่ายอยู่
Numb ThaiKJV 9:19  แม้เมื่อเมฆอยู่เหนือพลับพลานานหลายวัน คนอิสราเอลก็ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ ไม่ยกเดินไป
Numb ThaiKJV 9:20  เมื่อเมฆอยู่เหนือพลับพลาน้อยวัน ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ เขาก็ยังอยู่ในค่าย แล้วตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์เขาก็ยกออกเดินทาง
Numb ThaiKJV 9:21  เมื่อเมฆคงอยู่ตั้งแต่เย็นจนเช้า ครั้นเมฆลอยขึ้นในตอนเช้าเขาก็ยกออกเดิน ไม่ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม เมื่อเมฆลอยขึ้นเขาก็ยกออกเดิน
Numb ThaiKJV 9:22  ไม่ว่าเมฆจะคงอยู่เหนือพลับพลาสองวัน หรือเดือนหนึ่งหรือปีหนึ่ง คนอิสราเอลก็อยู่ในค่ายนานเท่านั้น มิได้ยกออกไป แต่เมื่อเมฆลอยขึ้นเมื่อใด เขาก็ยกออกไปเมื่อนั้น
Numb ThaiKJV 9:23  เขาตั้งค่ายอยู่ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ และเขายกออกเดินตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ เขาทั้งหลายก็ปฏิบัติงานของพระเยโฮวาห์ ตามพระดำรัสที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งโมเสส
Chapter 10
Numb ThaiKJV 10:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 10:2  “จงทำแตรเงินสองคันด้วยใช้ค้อนทุบ เจ้าจงใช้แตรนั้นเรียกชุมนุมและใช้รื้อย้ายค่าย
Numb ThaiKJV 10:3  เมื่อเป่าแตรทั้งสองนั้นก็ให้ชุมนุมชนทั้งหมดมาประชุมพร้อมกันกับเจ้าที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 10:4  ถ้าเป่าแตรคันเดียวให้พวกประมุขผู้เป็นหัวหน้าคนอิสราเอลที่นับเป็นพันๆมาประชุมกับเจ้า
Numb ThaiKJV 10:5  เมื่อเป่าแตรปลุกให้บรรดาค่ายที่ตั้งอยู่ด้านตะวันออกยกออกเดิน
Numb ThaiKJV 10:6  เมื่อเป่าแตรปลุกหนที่สองให้บรรดาค่ายที่อยู่ด้านใต้ยกออกเดิน เมื่อใดจะให้ยกออกเดินก็ให้เป่าแตรปลุก
Numb ThaiKJV 10:7  แต่เมื่อจะให้คนทั้งปวงมาประชุมพร้อมกัน จงเป่าแตร แต่อย่าทำเสียงปลุก
Numb ThaiKJV 10:8  ให้บุตรชายของอาโรนคือปุโรหิตเป็นคนเป่าแตร แตรนี้จะเป็นกฎถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้า
Numb ThaiKJV 10:9  และเมื่อเจ้าทั้งหลายจะไปทำศึกในแผ่นดินของเจ้าสู้ศัตรูผู้มาบีบบังคับเจ้า ก็ให้เป่าแตรทำเสียงปลุก และเจ้าจะเป็นที่ระลึกต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะได้พ้นจากศัตรูของเจ้า
Numb ThaiKJV 10:10  ในวันที่เจ้าทั้งหลายมีความยินดี และในงานเทศกาลและในวันต้นเดือนของเจ้า เจ้าจงเป่าแตรเหนือเครื่องเผาบูชาและเหนือสัตวบูชาอันเป็นเครื่องสันติบูชา เป็นที่ให้พระเจ้าของเจ้าระลึกถึงเจ้า เราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า”
Numb ThaiKJV 10:11  ต่อมาวันที่ยี่สิบเดือนที่สองปีที่สองทรงให้เมฆนั้นขึ้นจากพลับพลาพระโอวาท
Numb ThaiKJV 10:12  คนอิสราเอลก็ยกเดินทางไปจากถิ่นทุรกันดารซีนาย และเมฆนั้นมายั้งอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารปาราน
Numb ThaiKJV 10:13  เขาทั้งหลายได้ยกออกเดินไปเป็นครั้งแรกตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ที่ตรัสสั่งโมเสส
Numb ThaiKJV 10:14  ธงค่ายของคนยูดาห์ออกเดินไปเป็นกองๆก่อน มีนาโชนบุตรชายอัมมีนาดับเป็นผู้นำพลโยธา
Numb ThaiKJV 10:15  เนธันเอลบุตรชายศุอาร์นำพลโยธาตระกูลคนอิสสาคาร์
Numb ThaiKJV 10:16  และเอลีอับบุตรชายเฮโลนนำพลโยธาตระกูลคนเศบูลุน
Numb ThaiKJV 10:17  เมื่อรื้อพลับพลาลงแล้ว บรรดาบุตรชายของเกอร์โชนและบุตรชายของเมรารีผู้แบกหามพลับพลานั้นก็ยกเดินไป
Numb ThaiKJV 10:18  ธงค่ายของคนรูเบนออกเดินไปเป็นกองๆ เอลีซูร์บุตรชายเชเดเออร์เป็นผู้นำพลโยธา
Numb ThaiKJV 10:19  เชลูมิเอลบุตรชายซูริชัดดัยนำพลโยธาตระกูลคนสิเมโอน
Numb ThaiKJV 10:20  เอลียาสาฟบุตรชายเดอูเอลนำพลโยธาตระกูลคนกาด
Numb ThaiKJV 10:21  แล้วคนโคฮาทก็ยกออกเดินแบกหามสถานบริสุทธิ์ ก่อนที่พวกนี้ไปถึง เขาก็ตั้งพลับพลาเสร็จแล้ว
Numb ThaiKJV 10:22  ธงค่ายคนเอฟราอิมออกเดินไปเป็นกองๆ มีเอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูดนำพลโยธา
Numb ThaiKJV 10:23  กามาลิเอลบุตรชายเปดาซูร์นำพลโยธาตระกูลคนมนัสเสห์
Numb ThaiKJV 10:24  อาบีดันบุตรชายกิเดโอนีนำพลโยธาตระกูลคนเบนยามิน
Numb ThaiKJV 10:25  แล้วธงค่ายคนดานเป็นพวกระวังท้ายของค่ายทั้งหมด ได้ยกออกเดินไปเป็นกองๆ มีอาหิเยเซอร์บุตรชายอัมมีชัดดัยนำพลโยธา
Numb ThaiKJV 10:26  ปากีเอลบุตรชายโอครานนำพลโยธาตระกูลคนอาเชอร์
Numb ThaiKJV 10:27  อาหิราบุตรชายเอนันนำพลโยธาตระกูลคนนัฟทาลี
Numb ThaiKJV 10:28  นี่เป็นอันดับการเดินทางของคนอิสราเอลตามเหล่าพลโยธาของเขา เมื่อเขายกออกเดินไป
Numb ThaiKJV 10:29  โมเสสพูดกับโฮบับบุตรชายเรกูเอลคนมีเดียนพ่อตาของโมเสสว่า “เราทั้งหลายออกเดินไปสู่ที่ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสไว้ว่า ‘เราจะยกให้แก่เจ้าทั้งหลาย’ เชิญไปกับเราเถิด และเราทั้งหลายจะทำดีแก่ท่าน เพราะพระเยโฮวาห์ทรงสัญญาให้ของดีแก่คนอิสราเอล”
Numb ThaiKJV 10:30  แต่เขาตอบโมเสสว่า “เราจะไม่ไป เราจะกลับไปเมืองของเรา ยังวงศ์ญาติของเรา”
Numb ThaiKJV 10:31  และโมเสสว่า “ขออย่าพรากจากเราไปเลย ท่านทราบอยู่แล้วว่า เราต้องตั้งค่ายอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และท่านจะได้เป็นดังนัยน์ตาของเรา
Numb ThaiKJV 10:32  ถ้าท่านไปกับเราทั้งหลาย พระเยโฮวาห์ทรงกระทำดีอะไรแก่เรา เราจะกระทำอย่างนั้นแก่ท่าน”
Numb ThaiKJV 10:33  เขาทั้งหลายก็ออกเดินจากภูเขาของพระเยโฮวาห์ระยะทางสามวัน หีบพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์นำหน้าเขาไปสามวันเพื่อหาที่พักให้เขา
Numb ThaiKJV 10:34  เขาทั้งหลายยกค่ายไปเมื่อไร เมฆของพระเยโฮวาห์ก็อยู่เหนือเขาในกลางวันเมื่อนั้น
Numb ThaiKJV 10:35  ต่อมาเมื่อหีบยกออกเดินเมื่อไร โมเสสกราบทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงลุกขึ้นเถิด ให้ศัตรูทั้งหลายของพระองค์กระจัดกระจายไป ให้ผู้ที่ชังพระองค์หลีกหนีพระองค์ไป”
Numb ThaiKJV 10:36  เมื่อหีบยับยั้งท่านกราบทูลว่า “โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอเสด็จกลับมาสู่คนอิสราเอลที่นับเป็นพันๆเถิด”
Chapter 11
Numb ThaiKJV 11:1  เมื่อประชาชนบ่น พระเยโฮวาห์ทรงไม่พอพระทัย พระเยโฮวาห์ทรงสดับแล้วทรงพระพิโรธ มีไฟของพระเยโฮวาห์มาไหม้อยู่ท่ามกลางเขา เผาค่ายรอบนอกเสียบ้าง
Numb ThaiKJV 11:2  แล้วคนทั้งหลายจึงร้องต่อโมเสส และเมื่อโมเสสได้อธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ ไฟก็ดับ
Numb ThaiKJV 11:3  เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้นว่าทาเบราห์ เพราะไฟของพระเยโฮวาห์มาไหม้อยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย
Numb ThaiKJV 11:4  คนที่ปะปนมากับเขาทั้งหลายเป็นคนโลภมาก ทั้งคนอิสราเอลก็ร้องไห้คร่ำครวญอีกว่า “ผู้ใดจะให้เนื้อเรากิน
Numb ThaiKJV 11:5  เราระลึกถึงปลาที่เราเคยกินในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ ทั้งแตงกวา แตงโม ต้นกระเทียม หอมใหญ่ หัวกระเทียม
Numb ThaiKJV 11:6  บัดนี้จิตใจของเราก็เหี่ยวแห้งลง ไม่มีอะไรให้เราดูเลยนอกจากมานานี้”
Numb ThaiKJV 11:7  มานานั้นเหมือนเมล็ดผักชี สีเหมือนยางไม้หอม
Numb ThaiKJV 11:8  ประชาชนก็เที่ยวออกไปเก็บมาโม่หรือตำในครกและใส่หม้อต้มทำขนม รสของมานาเหมือนรสน้ำมันสด
Numb ThaiKJV 11:9  กลางคืนเมื่อน้ำค้างตกมาเหนือค่าย มานาก็ตกมาด้วย
Numb ThaiKJV 11:10  โมเสสได้ยินประชาชนร้องไห้ไปทั่วครอบครัวทั้งหลาย ต่างคนต่างอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วยิ่งนัก โมเสสก็ไม่พอใจด้วย
Numb ThaiKJV 11:11  โมเสสจึงกราบทูลพระเยโฮวาห์ว่า “ไฉนพระองค์จึงให้ผู้รับใช้ของพระองค์ลำบากลำบนเช่นนี้ เหตุใดข้าพระองค์ไม่เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์จึงทรงวางภาระของชนชาติทั้งหมดนี้ลงบนข้าพระองค์
Numb ThaiKJV 11:12  ข้าพระองค์ตั้งครรภ์คนเหล่านี้มาหรือ ข้าพระองค์ให้กำเนิดคนเหล่านี้มาหรือ พระองค์จึงตรัสแก่ข้าพระองค์ว่า ‘จงอุ้มเขาไว้ในอกของเจ้าอย่างพ่อบุญธรรมอุ้มลูกแดงนำมาสู่แผ่นดินที่พระองค์ปฏิญาณจะให้แก่บรรพบุรุษของเขา’
Numb ThaiKJV 11:13  ข้าพระองค์จะได้เนื้อมาจากไหนให้คนทั้งหมดนี้ เพราะเขาร้องไห้ต่อข้าพระองค์ว่า ‘ขอเนื้อให้เรากิน’
Numb ThaiKJV 11:14  ข้าพระองค์ไม่สามารถหอบอุ้มคนเหล่านี้แต่ลำพังได้ เป็นภาระหนักเกินแก่ข้าพระองค์
Numb ThaiKJV 11:15  ถ้าพระองค์จะทรงปฏิบัติแก่ข้าพระองค์อย่างนี้แล้ว ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ ถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ขอทรงประหารข้าพระองค์เสียทันทีเถิด อย่าให้ข้าพระองค์แลเห็นความชั่วร้ายของข้าพระองค์เลย”
Numb ThaiKJV 11:16  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงรวบรวมพวกผู้ใหญ่ในอิสราเอลให้เราเจ็ดสิบคน เป็นคนที่เจ้าทราบว่าเป็นผู้ใหญ่ในประชาชนและเป็นเจ้าหน้าที่เหนือเขาทั้งหลาย จงพาเขามาที่พลับพลาแห่งชุมนุมให้เขายืนอยู่พร้อมกับเจ้าที่นั่น
Numb ThaiKJV 11:17  เราจะลงมาสนทนากับเจ้าที่นั่น และเราจะเอาวิญญาณที่มีอยู่บนเจ้ามาใส่บนคนเหล่านั้นเสียบ้าง ให้เขาทั้งหลายแบกภาระของชนชาตินี้ด้วยกันกับเจ้า เพื่อเจ้าจะมิได้ทนแบกอยู่แต่ลำพัง
Numb ThaiKJV 11:18  และจงกล่าวแก่คนทั้งปวงว่า ‘ท่านทั้งหลายจงชำระตัวให้บริสุทธิ์สำหรับพรุ่งนี้ ท่านจะได้รับประทานเนื้อ เพราะท่านร้องไห้ต่อพระกรรณของพระเยโฮวาห์ว่า “ผู้ใดจะให้เนื้อเรากิน เมื่อเราอยู่ในอียิปต์เราก็สุขสบาย” เพราะเหตุนี้พระเยโฮวาห์จะทรงประทานเนื้อให้ท่านทั้งหลายรับประทาน
Numb ThaiKJV 11:19  ท่านจะมิได้รับประทานวันเดียว หรือสองวัน หรือห้าวัน หรือสิบวัน หรือยี่สิบวัน
Numb ThaiKJV 11:20  แต่หนึ่งเดือนเต็ม จนเนื้อจะล้นออกมาทางรูจมูกของท่าน จนท่านเอือม เพราะท่านได้ทอดทิ้งพระเยโฮวาห์ผู้อยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลาย และได้ร้องไห้ต่อพระองค์กล่าวว่า “ไฉนเราจึงได้ออกมาจากอียิปต์”’”
Numb ThaiKJV 11:21  แต่โมเสสกราบทูลว่า “คนที่ข้าพระองค์อยู่ท่ามกลางเขานั้นเป็นทหารราบหกแสนคน และพระองค์ตรัสว่า ‘เราจะให้เนื้อเขาทั้งหลายกินครบเดือนหนึ่ง’
Numb ThaiKJV 11:22  จะเอาฝูงแพะแกะฝูงวัวมาฆ่าให้เขาให้พอเขากินหรือ จะรวบรวมปลาทั้งหมดในทะเลให้เขาให้พอเขากินหรือ”
Numb ThaiKJV 11:23  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์สั้นไปหรือ บัดนี้เจ้าจะเห็นว่าคำของเราจะสำเร็จเพื่อเจ้าจริงหรือไม่”
Numb ThaiKJV 11:24  โมเสสก็ออกไปบอกแก่คนทั้งปวงถึงพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ และท่านได้รวบรวมพวกผู้ใหญ่ในประชาชนได้เจ็ดสิบคน แต่งตั้งเขาไว้ให้ยืนรอบพลับพลา
Numb ThaiKJV 11:25  แล้วพระเยโฮวาห์เสด็จลงมาในเมฆและตรัสกับโมเสส และเอาวิญญาณที่มีอยู่บนโมเสสบ้างใส่บนพวกผู้ใหญ่เจ็ดสิบคนนั้น และต่อมาเมื่อวิญญาณอยู่บนเขาทั้งหลายแล้ว เขาทั้งหลายก็พยากรณ์ แต่เขาทั้งหลายก็ไม่ทำอีก
Numb ThaiKJV 11:26  ยังมีสองคนที่อยู่ในค่าย คนหนึ่งชื่อเอลดาด อีกคนหนึ่งชื่อเมดาด และวิญญาณอยู่บนเขา เขาเป็นคนที่ได้ลงทะเบียนไว้ แต่ไม่ได้มาที่พลับพลา เขาพยากรณ์ในค่าย
Numb ThaiKJV 11:27  มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาบอกโมเสสว่า “เอลดาดและเมดาดกำลังพยากรณ์อยู่ในค่าย”
Numb ThaiKJV 11:28  และโยชูวาบุตรชายนูนเป็นผู้รับใช้ของโมเสส เป็นคนหนุ่ม มากล่าวว่า “โมเสสเจ้านายของข้าพเจ้า ขอห้ามเขาเสีย”
Numb ThaiKJV 11:29  แต่โมเสสบอกเขาว่า “ท่านเจ็บร้อนแทนเราหรือ เราใคร่ให้ประชาชนของพระเยโฮวาห์เป็นผู้พยากรณ์ทุกคน และใคร่ให้พระเยโฮวาห์ทรงใส่วิญญาณของพระองค์ไว้บนเขาเหล่านั้น”
Numb ThaiKJV 11:30  โมเสสและพวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอลก็กลับไปค่าย
Numb ThaiKJV 11:31  มีลมพัดมาจากพระเยโฮวาห์พาฝูงนกคุ่มมาจากทะเล ให้มาตกอยู่ที่ข้างค่ายรอบค่ายทุกทิศห่างออกไปเป็นหนทางเดินวันหนึ่ง สูงพ้นพื้นดินประมาณสองศอก
Numb ThaiKJV 11:32  วันนั้นประชาชนก็ลุกขึ้นเที่ยวจับนกคุ่มทั้งวันและคืนและตลอดวันรุ่งขึ้นด้วย คนที่จับได้น้อยที่สุดได้ถึงสิบโฮเมอร์ แล้วเขาเอามาวางตากทั่วค่าย
Numb ThaiKJV 11:33  เมื่อเนื้อยังติดฟันเขาทั้งหลายอยู่ ยังรับประทานไม่ทันหมด พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วประชาชนยิ่งนัก พระเยโฮวาห์ก็ทรงประหารประชาชนเสียด้วยภัยพิบัติอย่างร้ายแรง
Numb ThaiKJV 11:34  เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้นว่า ขิบโรทหัทธาอาวาห์ เพราะที่นั่นเขาฝังศพคนทั้งปวงที่โลภมาก
Numb ThaiKJV 11:35  ประชาชนได้ยกเดินจากขิบโรทหัทธาอาวาห์ถึงฮาเซโรทและยับยั้งที่ฮาเซโรท
Chapter 12
Numb ThaiKJV 12:1  มิเรียมและอาโรนได้พูดติโมเสส เหตุหญิงคนเอธิโอเปียที่ท่านได้แต่งงานด้วย เพราะโมเสสได้แต่งงานกับหญิงคนเอธิโอเปียคนหนึ่ง
Numb ThaiKJV 12:2  เขาทั้งสองกล่าวว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสทางโมเสสคนเดียวเท่านั้นจริงหรือ พระองค์ไม่ตรัสทางเราบ้างหรือ” พระเยโฮวาห์ทรงได้ยิน
Numb ThaiKJV 12:3  (โมเสสเป็นคนถ่อมใจมากยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่พื้นแผ่นดิน)
Numb ThaiKJV 12:4  ทันใดนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนกับมิเรียมว่า “เจ้าทั้งสามจงออกมาที่พลับพลาแห่งชุมนุม” เขาทั้งสามก็ออกมา
Numb ThaiKJV 12:5  พระเยโฮวาห์ก็เสด็จลงมาในเสาเมฆ ประทับยืนที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม ทรงเรียกอาโรนและมิเรียม เขาทั้งสองก็มาข้างหน้า
Numb ThaiKJV 12:6  พระองค์ตรัสว่า “จงฟังถ้อยคำของเรา ถ้าจะมีผู้พยากรณ์ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย เราพระเยโฮวาห์จะสำแดงตัวแก่ผู้นั้นเป็นนิมิต เราจะพูดกับเขาทางฝัน
Numb ThaiKJV 12:7  สำหรับโมเสสผู้รับใช้ของเราก็ไม่เป็นเช่นนั้น ในวงศ์วานทั้งหมดของเราเขาสัตย์ซื่อ
Numb ThaiKJV 12:8  เราพูดกับเขาปากต่อปากอย่างชัดเจน ไม่พูดเร้นลับ และเขาเห็นสัณฐานของพระเยโฮวาห์ ไฉนเจ้าไม่กลัวที่จะพูดติโมเสสผู้รับใช้ของเรา”
Numb ThaiKJV 12:9  พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วเขามาก แล้วเสด็จไปเสีย
Numb ThaiKJV 12:10  เมื่อเมฆลอยพ้นพลับพลาไป ดูเถิด มิเรียมก็เป็นโรคเรื้อน ขาวดุจหิมะ อาโรนหันไปดูมิเรียมและดูเถิด นางเป็นโรคเรื้อน
Numb ThaiKJV 12:11  และอาโรนพูดกับโมเสสว่า “อนิจจา เจ้านายของข้าพเจ้า ขออย่าลงโทษบาปเราทั้งสองที่ได้กระทำความเขลาและบาปเช่นนี้
Numb ThaiKJV 12:12  ขออย่าให้มิเรียมเป็นเหมือนคนที่ตายแล้ว ดุจคนที่คลอดจากครรภ์มารดามีเนื้อกุดไปครึ่งหนึ่ง”
Numb ThaiKJV 12:13  และโมเสสได้ร้องทูลพระเยโฮวาห์ว่า “โอ ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงรักษานาง ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์”
Numb ThaiKJV 12:14  แต่พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ถ้าพ่อของนางถ่มน้ำลายรดหน้านาง นางจะละอายอยู่เจ็ดวันมิใช่หรือ จงกักนางไว้นอกค่ายเจ็ดวัน ภายหลังจึงให้กลับเข้ามาได้”
Numb ThaiKJV 12:15  ดังนั้นมิเรียมจึงถูกกักอยู่นอกค่ายเจ็ดวัน และประชาชนก็มิได้ยกเดินไปจนกว่ามิเรียมกลับเข้ามาอีก
Numb ThaiKJV 12:16  แล้วภายหลังประชาชนก็ยกเดินจากตำบลฮาเซโรทไปตั้งค่ายอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารปาราน
Chapter 13
Numb ThaiKJV 13:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 13:2  “จงส่งคนไปสอดแนมดูที่แผ่นดินคานาอันที่เราให้แก่คนอิสราเอลนั้น จงส่งคนจากตระกูลของบรรพบุรุษตระกูลละคน ให้ทุกคนเป็นหัวหน้าในตระกูลนั้น”
Numb ThaiKJV 13:3  โมเสสจึงใช้เขาไปจากถิ่นทุรกันดารปารานตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ ทุกคนเป็นหัวหน้าในคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 13:4  ต่อไปนี้เป็นชื่อของคนเหล่านั้น ชัมมูอาบุตรชายศักเกอร์เป็นตระกูลรูเบน
Numb ThaiKJV 13:5  ชาฟัทบุตรชายโฮรีเป็นตระกูลสิเมโอน
Numb ThaiKJV 13:6  คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์เป็นตระกูลยูดาห์
Numb ThaiKJV 13:7  อิกาลบุตรชายโยเซฟเป็นตระกูลอิสสาคาร์
Numb ThaiKJV 13:8  โฮเชยาบุตรชายนูนเป็นตระกูลเอฟราอิม
Numb ThaiKJV 13:9  ปัลทีบุตรชายราฟูเป็นตระกูลเบนยามิน
Numb ThaiKJV 13:10  กัดเดียลบุตรชายโสดีเป็นตระกูลเศบูลุน
Numb ThaiKJV 13:11  ตระกูลโยเซฟคือตระกูลมนัสเสห์มีกัดดีบุตรชายสุสี
Numb ThaiKJV 13:12  อัมมีเอลบุตรชายเกมัลลีเป็นตระกูลดาน
Numb ThaiKJV 13:13  เสธูร์บุตรชายมีคาเอลเป็นตระกูลอาเชอร์
Numb ThaiKJV 13:14  นาบีบุตรชายโวฟสีเป็นตระกูลนัฟทาลี
Numb ThaiKJV 13:15  เกอูเอลบุตรชายมาคีเป็นตระกูลกาด
Numb ThaiKJV 13:16  ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อคนที่โมเสสใช้ไปสอดแนมที่แผ่นดินนั้น และโมเสสเรียกชื่อโฮเชยาบุตรชายนูนว่า โยชูวา
Numb ThaiKJV 13:17  โมเสสใช้เขาทั้งหลายไปสอดแนมที่แผ่นดินคานาอัน และสั่งเขาทั้งหลายว่า “จงขึ้นไปทางใต้นี้แล้วขึ้นไปตามภูเขา
Numb ThaiKJV 13:18  ตรวจดูแผ่นดินนั้นว่าเป็นอย่างไร และว่าคนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นมีกำลังแข็งแรงหรืออ่อนแอ มีคนน้อยหรือมาก
Numb ThaiKJV 13:19  ดูว่าแผ่นดินที่เขาอาศัยอยู่เป็นอย่างไรบ้าง เป็นแผ่นดินที่ดีหรือเลวอย่างไร และบ้านเมืองที่เขาอาศัยอยู่เป็นอย่างไร เป็นเต็นท์หรือเป็นป้อมปราการที่เข้มแข็ง
Numb ThaiKJV 13:20  ดูว่าแผ่นดินอุดมหรือจืด มีป่าไม้หรือเปล่า ท่านทั้งหลายจงมีใจกล้าหาญ และนำผลไม้ที่เมืองนั้นกลับมาบ้างด้วย” เวลานั้นเป็นฤดูผลองุ่นสุกรุ่นแรก
Numb ThaiKJV 13:21  คนเหล่านั้นจึงขึ้นไปสอดแนมแผ่นดิน ตั้งแต่ถิ่นทุรกันดารศิน จนถึงเรโหบ ที่ทางเข้าเมืองฮามัท
Numb ThaiKJV 13:22  เขาขึ้นไปทางใต้ถึงเมืองเฮโบรน และอาหิมาน เชชัย และทัลมัย คือคนอานาคอยู่ที่นั่น (เมืองเฮโบรนนี้เขาสร้างมาก่อนเมืองโศอันในอียิปต์ได้เจ็ดปี)
Numb ThaiKJV 13:23  เขาทั้งหลายมาถึงลำธารเอชโคล์ ที่นั่นเขาตัดองุ่นกิ่งหนึ่งมีองุ่นพวงหนึ่ง สองคนใช้ไม้คานหามมา เขาเก็บผลทับทิมและมะเดื่อมาบ้าง
Numb ThaiKJV 13:24  เขาเรียกที่นั่นว่าห้วยเอชโคล์เพราะพวงผลองุ่นซึ่งคนอิสราเอลได้ตัดมาจากที่นั่น
Numb ThaiKJV 13:25  ล่วงมาสี่สิบวันเขาทั้งหลายก็กลับมาจากการไปสอดแนมที่แผ่นดินนั้น
Numb ThaiKJV 13:26  เขาทั้งหลายกลับมาถึงโมเสสและอาโรน และมาถึงชุมนุมชนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารปารานที่คาเดช เขาเล่าเรื่องให้ท่านทั้งสองและบรรดาคนอิสราเอลฟัง และให้ดูผลไม้แห่งแผ่นดินนั้น
Numb ThaiKJV 13:27  เขาทั้งหลายเล่าให้โมเสสฟังว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ไปถึงแผ่นดินซึ่งท่านใช้ไป มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ที่นั่นจริง และนี่เป็นผลไม้ของเมืองนั้น
Numb ThaiKJV 13:28  แต่คนที่อยู่ในเมืองนั้นมีกำลังมากและเมืองของเขาก็ใหญ่โตมีกำแพงล้อมรอบ นอกจากนั้นข้าพเจ้าทั้งหลายยังเห็นคนอานาคที่นั่นด้วย
Numb ThaiKJV 13:29  คนอามาเลขอยู่ในแผ่นดินทางใต้ คนฮิตไทต์ คนเยบุส และคนอาโมไรต์อยู่บนภูเขา คนคานาอันอาศัยอยู่ที่ริมทะเล และตามฝั่งแม่น้ำจอร์แดน”
Numb ThaiKJV 13:30  แต่คาเลบได้ให้คนทั้งปวงเงียบต่อหน้าโมเสสกล่าวว่า “ให้เราขึ้นไปทันทีและยึดเมืองนั้น เพราะพวกเรามีกำลังสามารถที่จะเอาชัยชนะได้”
Numb ThaiKJV 13:31  ฝ่ายคนทั้งปวงที่ขึ้นไปสอดแนมด้วยกันกล่าวว่า “เราไม่สามารถสู้คนเหล่านั้นได้ เพราะเขามีกำลังมากกว่าเรา”
Numb ThaiKJV 13:32  และเขาได้กล่าวร้ายเรื่องแผ่นดินที่เขาได้ไปสอดแนมมาเล่าให้คนอิสราเอลฟังว่า “แผ่นดินที่เราได้ไปสืบดูตลอดแล้วนั้นเป็นแผ่นดินที่กินคนซึ่งอยู่ในนั้น บรรดาชาวเมืองที่เราเห็นเป็นคนรูปร่างใหญ่โต
Numb ThaiKJV 13:33  ที่นั่นเราเห็นพวกมนุษย์ยักษ์ คือบุตรของคนอานาคซึ่งมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ เราเป็นเหมือนตั๊กแตนในสายตาของเรา ในสายตาของเขาก็เหมือนกัน”
Chapter 14
Numb ThaiKJV 14:1  แล้วบรรดาชุมนุมชนนั้นก็ร้องลั่นขึ้นมา ประชาชนร้องไห้ในคืนวันนั้น
Numb ThaiKJV 14:2  บรรดาคนอิสราเอลได้บ่นว่าโมเสสและอาโรน ชุมนุมชนทั้งหมดกล่าวแก่ท่านว่า “ให้เราตายเสียที่แผ่นดินอียิปต์ หรือให้เราตายเสียที่ถิ่นทุรกันดารนี้ก็ดีกว่า
Numb ThaiKJV 14:3  พระเยโฮวาห์นำเราเข้ามาในประเทศนี้ให้ตายด้วยดาบทำไมเล่า ลูกเมียของเราต้องตกเป็นเหยื่อ ที่เราจะกลับไปอียิปต์ไม่ดีกว่าหรือ”
Numb ThaiKJV 14:4  เขาพูดแก่กันและกันว่า “ให้เราตั้งคนหนึ่งขึ้นเป็นหัวหน้าแล้วกลับไปยังอียิปต์เถิด”
Numb ThaiKJV 14:5  โมเสสกับอาโรนได้ซบหน้าลงถึงพื้นดินต่อหน้าที่ประชุมทั้งหมดของชุมนุมชนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 14:6  และโยชูวาบุตรชายนูนกับคาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์ เป็นผู้ที่ได้ร่วมไปสอดแนมที่แผ่นดินนั้น ได้ฉีกเสื้อผ้าของตน
Numb ThaiKJV 14:7  และกล่าวแก่บรรดาชุมนุมชนอิสราเอลว่า “แผ่นดินที่เราได้เที่ยวสอดแนมดูตลอดนั้นเป็นแผ่นดินที่ดีเหลือเกิน
Numb ThaiKJV 14:8  ถ้าพระเยโฮวาห์พอพระทัยในพวกเรา พระองค์จะทรงนำเราเข้าไปในแผ่นดินนี้ และทรงประทานแก่เรา เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์
Numb ThaiKJV 14:9  ขอแต่อย่าให้พวกเรากบฏต่อพระเยโฮวาห์เท่านั้น อย่ากลัวชาวแผ่นดินนั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นขนมของเราแล้ว ร่มฤทธิ์ของเขาก็สูญไปแล้ว พระเยโฮวาห์สถิตฝ่ายเรา อย่ากลัวเขาเลย”
Numb ThaiKJV 14:10  แต่ชุมนุมชนทั้งหมดนั้นพูดกันว่าให้เอาก้อนหินขว้างเขาเสีย ขณะนั้นสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ปรากฏที่พลับพลาแห่งชุมนุมต่อหน้าบรรดาคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 14:11  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ชนชาตินี้จะสบประมาทเรานานสักเท่าใด แม้ว่าเราได้กระทำหมายสำคัญต่างๆท่ามกลางเขามาแล้ว เขาทั้งหลายจะไม่เชื่อเรานานเท่าใด
Numb ThaiKJV 14:12  เราจะประหารเขาเสียด้วยโรคร้ายและตัดเขาเสียจากการสืบมรดก เราจะกระทำให้เจ้าเป็นประเทศใหญ่โตและแข็งแรงกว่าเขาอีก”
Numb ThaiKJV 14:13  แต่โมเสสได้กราบทูลพระเยโฮวาห์ว่า “ชาวอียิปต์จะได้ยินเรื่องนี้ (เพราะพระองค์ทรงพาชาตินี้ออกมาจากท่ามกลางเขาด้วยฤทธานุภาพของพระองค์)
Numb ThaiKJV 14:14  ชาวอียิปต์จะเล่าความนั้นแก่ชาวประเทศนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เขาทั้งหลายได้ยินว่าพระองค์สถิตท่ามกลางชนชาตินี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เขาได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ เมฆของพระองค์ตั้งอยู่เหนือเขาทั้งหลาย พระองค์ทรงนำเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ และในกลางคืนด้วยเสาเพลิง
Numb ThaiKJV 14:15  บัดนี้ถ้าพระองค์จะทรงประหารชนชาตินี้ดุจคนๆเดียว ประเทศทั้งหลายที่ได้ยินกิตติศัพท์ถึงพระองค์จะพูดกันว่า
Numb ThaiKJV 14:16  ‘เพราะพระเยโฮวาห์ไม่สามารถพาชนชาตินี้ไปถึงแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้แก่เขานั้น พระองค์จึงทรงประหารเขาเสียที่ในถิ่นทุรกันดาร’
Numb ThaiKJV 14:17  บัดนี้ข้าพระองค์ทูลวิงวอน ขอพระองค์ทรงบันดาลให้ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ใหญ่ยิ่งดังพระสัญญาที่ว่า
Numb ThaiKJV 14:18  ‘พระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธช้า ทรงอุดมในความเมตตา ทรงโปรดยกโทษความชั่วช้าและให้อภัยการละเมิด แต่ถือว่าไม่มีโทษหามิได้ ให้โทษเพราะความชั่วช้าของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานสามชั่วสี่ชั่วอายุ’
Numb ThaiKJV 14:19  ขอทรงประทานอภัยความชั่วช้าของชนชาตินี้ตามความยิ่งใหญ่แห่งความเมตตาของพระองค์ ดังที่พระองค์ทรงประทานอภัยชนชาตินี้ตั้งแต่อียิปต์จนบัดนี้”
Numb ThaiKJV 14:20  แล้วพระเยโฮวาห์จึงตรัสว่า “เราให้อภัยตามคำของเจ้า
Numb ThaiKJV 14:21  แต่แท้จริง เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด และบรรดาโลกจะเต็มไปด้วยสง่าราศีของพระเยโฮวาห์แน่ฉันใด
Numb ThaiKJV 14:22  คนทั้งหลายที่ได้เห็นสง่าราศีของเรา และได้เห็นการอัศจรรย์ต่างๆที่เราได้กระทำในอียิปต์และในถิ่นทุรกันดาร และยังได้ทดลองเรามาตั้งสิบครั้ง และยังมิได้ฟังเสียงของเรา
Numb ThaiKJV 14:23  คนเหล่านี้จะมิได้เห็นแผ่นดินที่เราปฏิญาณไว้กับปู่ย่าตายายของเขาฉันนั้น คนทั้งปวงที่สบประมาทเราจะไม่ได้เห็นแผ่นดินนั้นสักคนเดียว
Numb ThaiKJV 14:24  แต่ส่วนคาเลบผู้รับใช้ของเรา เพราะมีจิตใจต่างกันและได้ตามเรามาอย่างเต็มที่ เราก็จะได้นำเขาไปถึงแผ่นดินที่เขาได้ไปมาและเชื้อสายของเขาจะได้กรรมสิทธิ์เมืองนั้น
Numb ThaiKJV 14:25  (พวกอามาเลขและพวกคานาอันอยู่ที่หว่างเขา) พรุ่งนี้เจ้าจงกลับไปในถิ่นทุรกันดารตามทางถึงทะเลแดง”
Numb ThaiKJV 14:26  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
Numb ThaiKJV 14:27  “เราจะทนชุมนุมชนชั่วร้ายนี้บ่นต่อเรานานสักเท่าใด เราได้ยินเสียงบ่นของคนอิสราเอลซึ่งเขาบ่นว่าเรา
Numb ThaiKJV 14:28  เจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า พระเยโฮวาห์ตรัสว่า ‘เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะกระทำสิ่งที่เจ้าทั้งหลายบ่นให้เราได้ยินแก่เจ้าฉันนั้น
Numb ThaiKJV 14:29  ซากศพของเจ้าจะตกหล่นอยู่ในถิ่นทุรกันดารนี้ จำนวนคนทั้งหมดของเจ้านับตั้งแต่อายุยี่สิบปีขึ้นไป ผู้ใดที่บ่นว่าเรา
Numb ThaiKJV 14:30  จะไม่มีสักคนหนึ่งที่มาถึงแผ่นดินที่เราปฏิญาณว่าจะให้เจ้าอาศัยอยู่ เว้นแต่คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์และโยชูวาบุตรชายนูน
Numb ThaiKJV 14:31  แต่ลูกเล็กที่เจ้าทั้งหลายว่าจะเป็นเหยื่อนั้นเราจะพาเขาทั้งหลายเข้าไป และเขาจะรู้จักแผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายได้สบประมาท
Numb ThaiKJV 14:32  ส่วนเจ้าทั้งหลาย ศพของเจ้าจะตกหล่นอยู่ในถิ่นทุรกันดารนี้
Numb ThaiKJV 14:33  ลูกหลานของเจ้าทั้งหลายจะพเนจรอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปี เขาจะทนโทษการเล่นชู้ของเจ้า จนกว่าจำนวนซากศพของเจ้าจะอยู่ในถิ่นทุรกันดารนี้ครบ
Numb ThaiKJV 14:34  ตามจำนวนวันที่เจ้าเข้าไปสอดแนมในแผ่นดินนั้นซึ่งมีสี่สิบวัน วันหนึ่งจะเป็นปีหนึ่ง เจ้าทั้งหลายจะรับโทษความชั่วช้าของเจ้าอยู่สี่สิบปี เจ้าทั้งหลายจะทราบถึงการฝ่าฝืนคำสัญญาของเรา’
Numb ThaiKJV 14:35  เราผู้เป็นพระเยโฮวาห์ได้ลั่นวาจาแล้ว เราจะกระทำดังนั้นแก่บรรดาชุมนุมชนที่ชั่วร้ายซึ่งร่วมกันคิดต่อสู้เรา เขาจะสิ้นสุดลงในถิ่นทุรกันดาร เขาจะตายอยู่ที่นั่น”
Numb ThaiKJV 14:36  คนที่โมเสสใช้ไปสอดแนมที่แผ่นดิน ผู้ที่กลับมาเล่าความใส่ร้ายแผ่นดินนั้น ซึ่งกระทำให้บรรดาชุมนุมชนบ่นว่าโมเสส
Numb ThaiKJV 14:37  คนที่มารายงานความร้ายเรื่องแผ่นดินนั้นได้ตายเสียด้วยโรคภัยต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 14:38  แต่โยชูวาบุตรชายนูน และคาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์ในหมู่คนที่ไปสอดแนมที่แผ่นดินยังมีชีวิตอยู่
Numb ThaiKJV 14:39  และโมเสสเล่าข้อความนี้ให้คนอิสราเอลทั้งหมดฟัง ประชาชนก็ร้องไห้โศกเศร้ายิ่งนัก
Numb ThaiKJV 14:40  และคนทั้งปวงได้ลุกขึ้นแต่เช้า ขึ้นไปยังที่สูงบนภูเขากล่าวว่า “ดูเถิด เราทั้งหลายมาอยู่ที่นี่แล้ว เราจะเข้าไปยังที่ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงสัญญาไว้ เพราะเราได้กระทำผิดแล้ว”
Numb ThaiKJV 14:41  แต่โมเสสกล่าวว่า “เหตุไฉนท่านขัดขืนพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ การนี้จะไม่สำเร็จ
Numb ThaiKJV 14:42  อย่าขึ้นไปเลย เพราะพระเยโฮวาห์มิได้อยู่ท่ามกลางท่าน เกลือกว่าท่านทั้งหลายจะล้มตายอยู่ต่อหน้าศัตรู
Numb ThaiKJV 14:43  เพราะคนอามาเลขและคนคานาอันอยู่ข้างหน้าท่าน ท่านจะล้มลงด้วยดาบ เพราะท่านได้หันกลับจากการตามพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์จะไม่สถิตท่ามกลางท่านทั้งหลาย”
Numb ThaiKJV 14:44  แต่เขาทั้งหลายยังบังอาจขึ้นไปยังที่สูงบนเนินเขา แต่หีบพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์และโมเสสมิได้ออกจากค่าย
Numb ThaiKJV 14:45  แล้วคนอามาเลขและคนคานาอันที่อยู่บนเนินเขานั้นได้ลงมาขับไล่เขาให้พ่ายแพ้จนไปถึงตำบลโฮรมาห์
Chapter 15
Numb ThaiKJV 15:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 15:2  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายจะเข้าในแผ่นดินที่เจ้าจะเข้าอาศัยอยู่ ซึ่งเราให้แก่เจ้านั้น
Numb ThaiKJV 15:3  ถ้าผู้ใดจะนำเครื่องบูชาจากฝูงวัวหรือจากฝูงแพะแกะไปถวายพระเยโฮวาห์เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ คือเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสัตวบูชาทำตามคำปฏิญาณ หรือเป็นเครื่องบูชาด้วยใจสมัคร หรือในการเลี้ยงตามกำหนด กระทำให้มีกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 15:4  ก็ให้ผู้ที่นำเครื่องบูชานั้นนำธัญญบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ คือยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันหนึ่งในสี่ฮิน
Numb ThaiKJV 15:5  และเจ้าจงจัดน้ำองุ่นหนึ่งในสี่ฮินสำหรับลูกแกะทุกตัว เป็นเครื่องดื่มบูชาคู่กับเครื่องเผาบูชาคู่กับเครื่องสัตวบูชา
Numb ThaiKJV 15:6  หรือสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งเจ้าจงจัดธัญญบูชาด้วยยอดแป้งสองในสิบเอฟาห์คลุกน้ำมันหนึ่งในสามฮิน
Numb ThaiKJV 15:7  และสำหรับเป็นเครื่องดื่มบูชา เจ้าจงถวายน้ำองุ่นหนึ่งในสามฮิน ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 15:8  เมื่อเจ้าจัดวัวผู้เป็นเครื่องเผาบูชา หรือเป็นเครื่องสัตวบูชาทำตามคำปฏิญาณ หรือให้เป็นสันติบูชาแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 15:9  ก็ให้นำธัญญบูชามียอดแป้งสามในสิบเอฟาห์คลุกน้ำมันครึ่งฮินมาบูชาพร้อมกับวัวผู้นั้น
Numb ThaiKJV 15:10  และให้นำเครื่องดื่มบูชามีน้ำองุ่นครึ่งฮินให้เป็นการบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 15:11  จงกระทำอย่างนี้สำหรับวัวผู้หรือแกะผู้ทุกตัว หรือสำหรับลูกแกะหรือลูกแพะทุกตัว
Numb ThaiKJV 15:12  ตามจำนวนสัตว์ที่จัดมา จงกระทำตามส่วนนี้แก่สัตว์ทุกๆตัว
Numb ThaiKJV 15:13  บรรดาชาวพื้นเมืองต้องกระทำอย่างนี้ทุกคน เมื่อจะถวายเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 15:14  ถ้าคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่กับเจ้า หรือคนหนึ่งคนใดท่ามกลางเจ้าตลอดชั่วอายุของเจ้าใคร่จะถวายเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ ก็ให้เขาทั้งหลายกระทำเหมือนเจ้าทั้งหลายได้กระทำนั้น
Numb ThaiKJV 15:15  จะต้องมีกฎอย่างเดียวกันสำหรับชุมนุมชนและสำหรับคนต่างด้าวผู้มาอาศัยอยู่กับเจ้า เป็นกฎถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้า คือเจ้าเป็นอย่างใด คนต่างด้าวก็เป็นอย่างนั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 15:16  จะต้องมีพระราชบัญญัติอย่างเดียวกันและลักษณะอย่างเดียวกันสำหรับเจ้าและสำหรับคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่กับเจ้า”
Numb ThaiKJV 15:17  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 15:18  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายมาถึงแผ่นดินที่เราจะพาเจ้าไป
Numb ThaiKJV 15:19  และเมื่อเจ้ารับประทานอาหารแห่งแผ่นดินนั้น เจ้าจงนำเครื่องบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 15:20  จงเอาแป้งเปียกผลแรกทำขนมก้อนหนึ่งถวายเป็นเครื่องบูชา เป็นเครื่องบูชาที่ได้จากลานนวดข้าว เจ้าจงถวายเช่นว่านี้
Numb ThaiKJV 15:21  จงเอาแป้งเปียกผลแรกถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์ตลอดชั่วอายุของเจ้า
Numb ThaiKJV 15:22  ถ้าเจ้าทั้งหลายได้ประพฤติผิดมิได้รักษาพระบัญญัติเหล่านี้ทุกประการ ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสสั่งแก่โมเสส
Numb ThaiKJV 15:23  ทุกประการซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้ทางโมเสส ตั้งแต่วันที่พระเยโฮวาห์ประทานพระบัญชาแก่โมเสส และต่อๆไปตลอดชั่วอายุของเจ้า
Numb ThaiKJV 15:24  แล้วถ้าประชาชนได้กระทำผิดโดยไม่เจตนา โดยที่ชุมนุมชนไม่รู้เห็น ชุมนุมชนทั้งหมดต้องถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ พร้อมกับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันตามลักษณะ และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 15:25  และให้ปุโรหิตทำการลบมลทินบาปให้แก่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และเขาทั้งหลายจะได้รับอภัยโทษ เพราะเป็นการผิดโดยไม่เจตนา และเขาจะนำเครื่องบูชาของเขามาถวายด้วยไฟแด่พระเยโฮวาห์ และถวายเครื่องบูชาไถ่บาปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เพราะความผิดโดยไม่เจตนาของเขา
Numb ThaiKJV 15:26  และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับอภัยโทษ พร้อมกับคนต่างด้าวผู้อยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย เพราะว่าพลเมืองทั้งหมดเกี่ยวพันกับความผิดนั้นอันเกิดขึ้นโดยไม่เจตนา
Numb ThaiKJV 15:27  ถ้าบุคคลคนหนึ่งคนใดกระทำผิดโดยไม่รู้ตัว ก็ให้ผู้นั้นเอาแพะเมียอายุขวบหนึ่งไปเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
Numb ThaiKJV 15:28  และให้ปุโรหิตกระทำการลบมลทินบาปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ให้บุคคลนั้น ผู้กระทำผิดเมื่อเขากระทำบาปโดยไม่รู้ตัว เพื่อทำการลบมลทินบาปเขาเสีย และเขาจะได้รับอภัยโทษ
Numb ThaiKJV 15:29  ให้เจ้ามีพระราชบัญญัติอย่างเดียวสำหรับผู้กระทำผิดโดยไม่รู้ตัว คือคนอิสราเอลผู้เป็นชาวพื้นเมืองและผู้เป็นคนต่างด้าวที่อยู่ท่ามกลางเขา
Numb ThaiKJV 15:30  แต่บุคคลที่บังอาจกระทำการใดๆโดยพลการ ไม่ว่าเขาจะเกิดในแผ่นดินนั้นหรือเป็นคนต่างด้าวก็ดี ผู้นั้นเหยียดหยามพระเยโฮวาห์ ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของตน
Numb ThaiKJV 15:31  เพราะเขาได้สบประมาทพระดำรัสของพระเยโฮวาห์และละเมิดพระบัญญัติของพระองค์ ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง ให้เขารับโทษความชั่วช้าของตน”
Numb ThaiKJV 15:32  ขณะเมื่อคนอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เขาพบคนหนึ่งไปเก็บฟืนในวันสะบาโต
Numb ThaiKJV 15:33  ผู้ที่พบเขาเก็บฟืนก็พาเขามาหาโมเสสและอาโรน และมาหาชุมนุมชนทั้งหมด
Numb ThaiKJV 15:34  เขาจึงจำคนนั้นไว้ เพราะยังไม่แจ้งว่าจะกระทำอย่างไรแก่เขา
Numb ThaiKJV 15:35  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ชายผู้นั้นต้องถูกโทษถึงตายเป็นแน่ ชุมนุมชนทั้งหมดต้องเอาหินขว้างเขาที่นอกค่าย”
Numb ThaiKJV 15:36  และชุมนุมชนทั้งหมดจึงพาเขามานอกค่าย และเอาหินขว้างเขาจนตาย ตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสส
Numb ThaiKJV 15:37  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 15:38  “จงพูดกับคนอิสราเอลและสั่งเขาให้ทำพู่ที่มุมชายเสื้อตลอดชั่วอายุของเขา ให้เอาด้ายสีฟ้าติดพู่ที่มุมทุกมุม
Numb ThaiKJV 15:39  เพื่อเจ้าจะมองดูพู่นั้น และจดจำพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระเยโฮวาห์ และปฏิบัติตาม เพื่อเจ้าจะไม่กระทำอะไรตามความพอใจพอตาของเจ้าซึ่งเจ้ามักหลงตามนั้น
Numb ThaiKJV 15:40  เพื่อว่าเจ้าจะจดจำและกระทำตามบัญญัติทั้งสิ้นของเรา และเป็นคนบริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเจ้า
Numb ThaiKJV 15:41  เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า”
Chapter 16
Numb ThaiKJV 16:1  โคราห์ บุตรชายอิสฮาร์ ผู้เป็นบุตรชายโคฮาท ผู้เป็นบุตรชายเลวี กับดาธานและอาบีรัม บุตรชายเอลีอับ กับโอนบุตรชายเปเลท บุตรชายรูเบน พาคนไป
Numb ThaiKJV 16:2  และไปยืนต่อหน้าโมเสส พร้อมกับคนอิสราเอลจำนวนหนึ่ง เป็นเจ้านายของชุมนุมชนมีสองร้อยห้าสิบคนที่เลือกมาจากที่ประชุม เป็นคนมีชื่อ
Numb ThaiKJV 16:3  และเขาทั้งหลายมาประชุมกันต่อโมเสสต่ออาโรน กล่าวแก่ท่านทั้งสองว่า “ท่านทำเกินเหตุไป เพราะว่าชุมนุมชนทั้งหมดก็บริสุทธิ์ทุกๆคน และพระเยโฮวาห์ทรงสถิตท่ามกลางเขา เหตุใดท่านจึงผยองขึ้นเหนือชุมนุมชนของพระเยโฮวาห์”
Numb ThaiKJV 16:4  ครั้นโมเสสได้ยินก็ซบหน้าลงถึงดิน
Numb ThaiKJV 16:5  ท่านจึงพูดกับโคราห์และพรรคพวกทั้งหมดของเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าพระเยโฮวาห์จะทรงสำแดงให้เห็นว่า ผู้ใดเป็นของพระองค์และใครเป็นคนบริสุทธิ์ และจะทรงให้ผู้นั้นเข้าใกล้พระองค์ ผู้ใดที่พระองค์ทรงเลือก พระองค์จะทรงให้เข้าไปใกล้พระองค์
Numb ThaiKJV 16:6  จงกระทำอย่างนี้ ให้โคราห์และพรรคพวกทั้งหมดของเขานำกระถางไฟมา
Numb ThaiKJV 16:7  จงเอาไฟใส่และใส่เครื่องหอมต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ในวันพรุ่งนี้ ผู้ใดที่พระเยโฮวาห์ทรงเลือกก็จะเป็นคนบริสุทธิ์ บุตรชายของเลวีเอ๋ย ท่านทั้งหลายได้กระทำเกินเหตุไป”
Numb ThaiKJV 16:8  และโมเสสพูดกับโคราห์ว่า “พวกท่านผู้เป็นบุตรชายของเลวีจงฟัง
Numb ThaiKJV 16:9  เป็นการเล็กน้อยสำหรับท่านอยู่หรือซึ่งพระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แยกท่านออกจากชุมนุมชนอิสราเอล เพื่อนำท่านให้มาใกล้พระองค์ ให้ปฏิบัติงานในพลับพลาของพระเยโฮวาห์และยืนอยู่ต่อหน้าชุมนุมชนเพื่อปรนนิบัติเขา
Numb ThaiKJV 16:10  และพระองค์ทรงนำท่านมาใกล้พระองค์รวมทั้งพี่น้องทั้งสิ้นของท่าน คือลูกหลานของเลวี ท่านทั้งหลายแสวงหาตำแหน่งปุโรหิตด้วยหรือ
Numb ThaiKJV 16:11  เพราะฉะนั้นที่ท่านและพรรคพวกทั้งหมดของท่านได้ประชุมกันก็เป็นการต่อสู้พระเยโฮวาห์ ส่วนอาโรนเป็นอะไรเล่าที่ท่านได้บ่นว่าเขา”
Numb ThaiKJV 16:12  โมเสสใช้ให้ไปเรียกดาธานและอาบีรัมบุตรชายเอลีอับ เขาทั้งสองว่า “เราจะไม่ขึ้นไป
Numb ThaiKJV 16:13  เป็นการเล็กน้อยอยู่หรือที่ท่านนำพวกเราจากแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ เพื่อจะฆ่าพวกเราเสียในถิ่นทุรกันดาร และท่านจะได้ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้านายเหนือพวกเราด้วย
Numb ThaiKJV 16:14  ยิ่งกว่านั้นอีกท่านมิได้นำพวกเราเข้าไปยังแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ มิได้ให้พวกเรารับที่นาหรือสวนองุ่นเป็นมรดก ท่านจะควักตาคนเหล่านี้ออกเสียหรือ เราจะไม่ขึ้นไป”
Numb ThaiKJV 16:15  โมเสสโกรธมากและกราบทูลพระเยโฮวาห์ว่า “ขออย่าทรงโปรดปรานเครื่องบูชาของเขาเลย ข้าพระองค์มิได้เอาลาของเขามาสักตัวหนึ่ง และข้าพระองค์มิได้ทำอันตรายเขาสักคนเดียว”
Numb ThaiKJV 16:16  และโมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ตัวท่านและพรรคพวกทั้งหมดของท่านจงเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ในวันพรุ่งนี้ ทั้งตัวท่าน พรรคพวกของท่านและอาโรน
Numb ThaiKJV 16:17  ให้ทุกคนนำกระถางไฟของตนไป ใส่เครื่องหอมในนั้น ให้ทุกคนนำกระถางไฟเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ มีกระถางไฟสองร้อยห้าสิบด้วยกัน ตัวท่านด้วย และอาโรน ต่างจงเอากระถางไฟของตนไป”
Numb ThaiKJV 16:18  ดังนั้นทุกคนจึงนำกระถางไฟของเขา ต่างเอาไฟใส่และเอาเครื่องหอมใส่ และเข้าไปยืนอยู่ที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมพร้อมกับโมเสสและอาโรน
Numb ThaiKJV 16:19  โคราห์ก็ร่วมชุมนุมชนทั้งหมดที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมประจัญหน้าเขาทั้งสอง และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ก็ปรากฏต่อบรรดาชุมนุมชน
Numb ThaiKJV 16:20  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
Numb ThaiKJV 16:21  “จงแยกตัวออกเสียจากชุมนุมชนนี้ เพื่อเราจะผลาญเขาเสียในพริบตาเดียว”
Numb ThaiKJV 16:22  เขาทั้งสองซบหน้าลงถึงดินกราบทูลว่า “โอ ข้าแต่พระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์ทั้งสิ้น เมื่อคนเดียวกระทำผิด พระองค์จะทรงพระพิโรธแก่ชุมนุมชนทั้งหมดหรือ”
Numb ThaiKJV 16:23  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 16:24  “จงกล่าวแก่ชุมนุมชนว่า จงออกไปให้ห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม”
Numb ThaiKJV 16:25  แล้วโมเสสลุกขึ้นไปหาดาธานและอาบีรัมและพวกผู้ใหญ่แห่งอิสราเอลก็ตามท่านไป
Numb ThaiKJV 16:26  โมเสสจึงกล่าวแก่ชุมนุมชนนั้นว่า “ท่านทั้งหลายออกไปเสียให้ห่างจากเต็นท์ของคนชั่วเหล่านี้ อย่าแตะต้องอะไรของเขาเลย เกลือกว่าท่านทั้งหลายจะต้องถูกกวาดไปกับบรรดาการบาปของเขาด้วย”
Numb ThaiKJV 16:27  ดังนั้นเขาทั้งหลายก็ออกไปให้ห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม และดาธานกับอาบีรัมออกมายืนอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน พร้อมกับภรรยา บุตรชายและลูกเล็กๆของเขา
Numb ThaiKJV 16:28  และโมเสสพูดว่า “ดังนี้แหละท่านทั้งหลายจะได้ทราบว่า พระเยโฮวาห์ใช้ให้ข้ามากระทำการทั้งสิ้นนี้ ข้ามิได้กระทำตามอำเภอใจข้าเอง
Numb ThaiKJV 16:29  ถ้าคนเหล่านี้ตายอย่างคนธรรมดาทั้งปวง หรือเหตุการณ์อย่างคนธรรมดามาเยี่ยมเยียนเขา ก็หมายว่าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงใช้ข้ามา
Numb ThaiKJV 16:30  แต่ถ้าพระเยโฮวาห์บันดาลอะไรใหม่เกิดขึ้นและแผ่นธรณีอ้าปากกลืนคนเหล่านี้เข้าไปพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขา และเขาทั้งหลายลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น ท่านทั้งหลายจงทราบเถิดว่า คนเหล่านี้ได้สบประมาทพระเยโฮวาห์”
Numb ThaiKJV 16:31  ต่อมาเมื่อท่านกล่าวบรรดาคำเหล่านี้จบ แผ่นดินใต้ที่เขาเหล่านั้นยืนอยู่ก็แยกออก
Numb ThaiKJV 16:32  และแผ่นธรณีก็อ้าปากออกกลืนเขาทั้งหลายกับครอบครัว และบรรดาคนของโคราห์และข้าวของทั้งหมดของเขา
Numb ThaiKJV 16:33  ดังนั้นเขาทั้งหลายพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขาลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น และแผ่นดินก็งับเขาไว้และเขาทั้งหลายก็พินาศเสียจากท่ามกลางที่ประชุม
Numb ThaiKJV 16:34  อิสราเอลทั้งหมดที่อยู่รอบเขาได้ยินเสียงร้องของเขาก็หนีไป เพราะเขากล่าวว่า “เกลือกว่าธรณีจะกลืนเราเสีย”
Numb ThaiKJV 16:35  และไฟออกมาจากพระเยโฮวาห์ เผาผลาญคนทั้งสองร้อยห้าสิบที่ได้ถวายเครื่องหอมนั้นเสีย
Numb ThaiKJV 16:36  แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 16:37  “จงบอกเอเลอาซาร์บุตรชายอาโรนปุโรหิต ให้เอากระถางไฟออกเสียจากเปลวเพลิง และเจ้าจงกระจายก้อนไฟออกห่างๆกัน เพราะกระถางไฟเหล่านั้นบริสุทธิ์
Numb ThaiKJV 16:38  คือกระถางไฟของคนเหล่านี้ที่ได้กระทำบาปจนถึงเสียชีวิตนั้น จงตีแผ่ทำเป็นแผ่นคลุมแท่นบูชา เพราะได้ถวายกระถางเหล่านั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ จึงเป็นสิ่งบริสุทธิ์ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นหมายสำคัญแก่คนอิสราเอล”
Numb ThaiKJV 16:39  ดังนั้นเอเลอาซาร์ปุโรหิตจึงนำกระถางไฟทองเหลือง ซึ่งผู้ที่ถูกไฟเผานำไปบูชา มาตีแผ่ออกเป็นแผ่นคลุมแท่นบูชา
Numb ThaiKJV 16:40  ให้เป็นเครื่องเตือนใจคนอิสราเอล เพื่อว่าคนสามัญผู้ที่มิใช่เป็นเชื้อสายของอาโรน จะมิได้เข้าไปเผาเครื่องหอมถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เกลือกว่าจะเป็นอย่างโคราห์และพรรคพวกของเขา ดังที่พระเยโฮวาห์ตรัสกับเอเลอาซาร์ทางโมเสส
Numb ThaiKJV 16:41  พอรุ่งขึ้นบรรดาชุมนุมชนอิสราเอลก็บ่นว่าโมเสสและอาโรนว่า “ท่านได้ประหารชีวิตคนของพระเยโฮวาห์เสีย”
Numb ThaiKJV 16:42  ต่อมาเมื่อชุมนุมชนมาประชุมประจัญหน้าโมเสสและอาโรน เขาหันหน้ามาสู่พลับพลาแห่งชุมนุม และดูเถิด เมฆมาคลุมพลับพลานั้น และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ก็ปรากฏ
Numb ThaiKJV 16:43  โมเสสกับอาโรนจึงมาหน้าพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 16:44  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 16:45  “จงออกไปเสียจากท่ามกลางประชุมชนนี้ เพื่อเราจะผลาญเขาทั้งหลายเสียในพริบตาเดียว” และท่านทั้งสองก็ซบหน้าลงถึงดิน
Numb ThaiKJV 16:46  โมเสสพูดกับอาโรนว่า “จงเอากระถางไฟ เอาไฟจากแท่นบูชาใส่ไว้ แล้วใส่เครื่องหอมรีบนำไปที่ชุมนุมชน ทำการลบมลทินบาปของชุมนุมชนนั้นเสีย เพราะพระพิโรธพลุ่งออกมาจากพระเยโฮวาห์แล้ว ภัยพิบัติได้บังเกิดขึ้น”
Numb ThaiKJV 16:47  อาโรนจึงนำกระถางไฟดังที่โมเสสบอกวิ่งเข้าไปท่ามกลางที่ประชุม และดูเถิด ภัยพิบัติได้บังเกิดขึ้นแก่ประชาชนแล้ว และท่านได้ใส่เครื่องหอมและทำการลบมลทินบาปของประชาชน
Numb ThaiKJV 16:48  ท่านได้ยืนอยู่ระหว่างคนตายกับคนเป็น และภัยพิบัตินั้นก็ถูกระงับแล้ว
Numb ThaiKJV 16:49  บรรดาคนที่ตายด้วยภัยพิบัติมีหนึ่งหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยคน ไม่นับคนที่ตายด้วยเรื่องของโคราห์
Numb ThaiKJV 16:50  เมื่อภัยพิบัติถูกระงับแล้ว อาโรนก็กลับไปหาโมเสสที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม
Chapter 17
Numb ThaiKJV 17:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 17:2  “จงพูดกับคนอิสราเอลและเอาไม้เท้ามาจากเขา เรือนบรรพบุรุษละอันจากประมุขทุกคนตามเรือนบรรพบุรุษ เป็นไม้เท้าสิบสองอัน เขียนชื่อชายเจ้าของไม้ไว้บนไม้เท้าทุกอัน
Numb ThaiKJV 17:3  เขียนชื่อของอาโรนไว้บนไม้เท้าของคนเลวี เพราะจะมีไม้เท้าอันเดียวสำหรับหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษหนึ่ง
Numb ThaiKJV 17:4  จงวางไม้เท้าเหล่านั้นไว้ในพลับพลาแห่งชุมนุม ต่อหน้าพระโอวาทที่ที่เราพบกับเจ้าทั้งหลาย
Numb ThaiKJV 17:5  และต่อมาไม้เท้าของชายผู้ที่เราโปรดเลือกนั้นจะงอก เช่นนี้เราจะกระทำให้เสียงบ่นของคนอิสราเอล ซึ่งเขาบ่นต่อเจ้าสงบลงเสียจากเรา”
Numb ThaiKJV 17:6  โมเสสจึงสั่งคนอิสราเอล และประมุขของท่านทุกคนก็มอบไม้เท้าแก่ท่านคนละอันตามเรือนบรรพบุรุษ เป็นไม้เท้าสิบสองอัน และไม้เท้าของอาโรนก็อยู่ในไม้เท้าเหล่านั้นด้วย
Numb ThaiKJV 17:7  และโมเสสวางไม้เท้าเหล่านั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ที่ในพลับพลาพระโอวาท
Numb ThaiKJV 17:8  อยู่มาวันรุ่งขึ้นโมเสสได้เข้าไปในพลับพลาพระโอวาท ดูเถิด ไม้เท้าของอาโรนสำหรับวงศ์วานเลวีได้งอก มีดอกตูมและดอกบาน และเกิดผลอัลมันด์สุกบ้าง
Numb ThaiKJV 17:9  แล้วโมเสสนำไม้เท้าทั้งหมดจากที่ตรงพระพักตร์พระเยโฮวาห์มายังคนอิสราเอลทั้งหมด เขาได้ตรวจดู และทุกคนก็นำไม้เท้าของตนไป
Numb ThaiKJV 17:10  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนำไม้เท้าของอาโรนกลับไปวางไว้ต่อหน้าพระโอวาท เก็บไว้เป็นหมายสำคัญสำหรับเตือนพวกกบฏ เพื่อเจ้าจะให้เขาทั้งหลายยุติการบ่นว่าเรา เพื่อเขาจะไม่ต้องตาย”
Numb ThaiKJV 17:11  โมเสสก็กระทำเช่นนี้ พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งท่านอย่างไร ท่านก็กระทำอย่างนั้น
Numb ThaiKJV 17:12  และคนอิสราเอลพูดกับโมเสสว่า “ดูเถิด เราพินาศ เราถึงหายนะ เราถึงหายนะหมดแล้ว
Numb ThaiKJV 17:13  ผู้ใดที่มาใกล้พลับพลาแห่งพระเยโฮวาห์ต้องตาย เราจะต้องตายหมดหรือ”
Chapter 18
Numb ThaiKJV 18:1  ดังนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับอาโรนว่า “เจ้าและบุตรชายของเจ้า และวงศ์วานบิดาของเจ้าจะต้องรับโทษความชั่วช้าเนื่องด้วยสถานบริสุทธิ์ ทั้งเจ้าและบุตรชายของเจ้าจะต้องรับโทษความชั่วช้าเนื่องด้วยหน้าที่ปุโรหิตของเจ้า
Numb ThaiKJV 18:2  และจงนำพี่น้องของเจ้ามาใกล้เจ้า ซึ่งเป็นตระกูลเลวี ตระกูลบิดาของเจ้า เพื่อเขาจะสมทบกับเจ้า และปรนนิบัติเจ้า ขณะที่เจ้าและบุตรชายปรนนิบัติอยู่ต่อหน้าพลับพลาพระโอวาท
Numb ThaiKJV 18:3  เขาทั้งหลายจะคอยรับใช้เจ้า และรับใช้บรรดาหน้าที่ต่างๆของพลับพลา แต่อย่าให้เข้าใกล้เครื่องใช้ของสถานบริสุทธิ์หรือแท่นบูชา เกลือกว่าเขาทั้งหลายและเจ้าจะต้องตาย
Numb ThaiKJV 18:4  เขาทั้งหลายจะสมทบกับพวกเจ้า และคอยรับใช้อยู่ที่พลับพลาแห่งชุมนุม ในงานปรนนิบัติทั้งสิ้นของพลับพลา และอย่าให้ผู้อื่นใดมาใกล้เจ้า
Numb ThaiKJV 18:5  พวกเจ้าต้องคอยรับใช้ในหน้าที่ของสถานบริสุทธิ์ และหน้าที่ของแท่นบูชา เพื่อพระพิโรธจะไม่เกิดขึ้นแก่คนอิสราเอลอีก
Numb ThaiKJV 18:6  และดูเถิด เราได้เลือกคนเลวีพี่น้องของเจ้าออกจากคนอิสราเอล เป็นของประทานแก่เจ้าถวายแด่พระเยโฮวาห์ เพื่อให้ปฏิบัติงานของพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 18:7  ทั้งเจ้าและบุตรชายจงคอยรับใช้ในหน้าที่ปุโรหิต เพื่องานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแท่นบูชาและสิ่งที่อยู่ภายในม่าน เจ้าต้องอยู่ปฏิบัติงาน เราให้ตำแหน่งปุโรหิตแก่เจ้าเป็นของประทานสำหรับงานปฏิบัติ และผู้ใดอื่นที่เข้ามาใกล้ต้องให้ถึงแก่ความตาย”
Numb ThaiKJV 18:8  แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับอาโรนว่า “ดูเถิด เราได้ให้เครื่องบูชาของเราส่วนหนึ่งแก่เจ้า คือบรรดาของถวายของคนอิสราเอล เราให้แก่เจ้าส่วนหนึ่งและแก่ลูกหลานของเจ้าเป็นกฎถาวรเพราะเหตุพวกเจ้าได้รับการเจิมแล้ว
Numb ThaiKJV 18:9  ในบรรดาของบริสุทธิ์ที่สุดส่วนซึ่งไม่ได้เผาไฟที่เป็นของของเจ้ามีดังนี้ บรรดาของถวายของเขา บรรดาธัญญบูชาของเขา บรรดาเครื่องบูชาไถ่บาปของเขา บรรดาเครื่องบูชาไถ่การละเมิดของเขา ซึ่งเขาถวายแก่เรา จะเป็นของบริสุทธิ์ที่สุดแก่เจ้าและแก่ลูกหลานของเจ้า
Numb ThaiKJV 18:10  เจ้าจงรับประทานสิ่งเหล่านี้ในที่บริสุทธิ์ที่สุด ผู้ชายทุกคนรับประทานได้ เป็นของบริสุทธิ์แก่เจ้า
Numb ThaiKJV 18:11  สิ่งต่อไปนี้ก็เป็นของเจ้าด้วย คือของให้ที่เขาถวาย บรรดาเครื่องบูชาแกว่งถวายของคนอิสราเอล เราได้ให้ไว้แก่เจ้าและแก่บุตรชายหญิงซึ่งอยู่กับเจ้าเป็นกฎเกณฑ์ถาวร ทุกคนที่สะอาดที่อยู่ในครอบครัวของเจ้ารับประทานได้
Numb ThaiKJV 18:12  น้ำมันที่ดีที่สุดทั้งหมด และน้ำองุ่นที่ดีที่สุด และเมล็ดพืชทั้งหมด และผลรุ่นแรกที่เขาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เราให้แก่เจ้า
Numb ThaiKJV 18:13  ผลสุกรุ่นแรกของของทุกอย่างซึ่งอยู่ในแผ่นดิน ที่เขานำมาถวายพระเยโฮวาห์ จะเป็นของเจ้า ทุกคนที่สะอาดอยู่ในครอบครัวของเจ้ารับประทานได้
Numb ThaiKJV 18:14  บรรดาของมอบถวายในอิสราเอลจะเป็นของเจ้า
Numb ThaiKJV 18:15  บรรดาเนื้อหนังที่เบิกครรภ์ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ ซึ่งเขาถวายแด่พระเยโฮวาห์จะเป็นของเจ้า แต่อย่างไรก็ตาม บุตรหัวปีของมนุษย์เจ้าจะต้องไถ่ไว้ เจ้าต้องไถ่ลูกหัวปีของบรรดาสัตว์ทั้งปวงที่มลทินด้วย
Numb ThaiKJV 18:16  และค่าไถ่ พออายุได้หนึ่งเดือนเจ้าก็ต้องไถ่ ให้เจ้ากำหนดว่าเป็นเงินห้าเชเขลตามเชเขลของสถานบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นยี่สิบเก-ราห์
Numb ThaiKJV 18:17  แต่ลูกหัวปีของวัว หรือลูกหัวปีของแกะ หรือลูกหัวปีของแพะ เจ้าไม่ต้องไถ่เพราะเป็นของบริสุทธิ์ เจ้าจงเอาเลือดของมันพรมบนแท่นบูชา และเอาไขมันของมันเผาเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 18:18  แต่เนื้อของมันจะเป็นของเจ้า เช่นเดียวกับเนื้ออกที่แกว่งถวายหรือเนื้อโคนขาขวาเป็นของเจ้า
Numb ThaiKJV 18:19  บรรดาเครื่องบูชาบริสุทธิ์ที่คนอิสราเอลมอบถวายแด่พระเยโฮวาห์ เราให้แก่เจ้าและแก่บุตรชายหญิงซึ่งอยู่กับเจ้า เป็นกฎเกณฑ์ถาวร เป็นพันธสัญญาเกลือเป็นนิตย์ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์สำหรับเจ้า และเชื้อสายของเจ้าด้วย”
Numb ThaiKJV 18:20  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับอาโรนว่า “เจ้าจะไม่ได้รับมรดกในแผ่นดินของเขา ทั้งเจ้าจะไม่มีส่วนอันใดกับเขาเลย เราเป็นส่วนแบ่งของเจ้าและเป็นมรดกของเจ้าท่ามกลางคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 18:21  ดูเถิด เราให้บรรดาสิบชักหนึ่งในอิสราเอลแก่คนเลวีเป็นมรดก เป็นค่าตอบแทนงานที่เขาปฏิบัติ คืองานปฏิบัติที่พลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 18:22  ตั้งแต่นี้ต่อไปคนอิสราเอลจะมิได้เข้ามาใกล้พลับพลาแห่งชุมนุม เกลือกว่าเขาจะรับโทษบาปและจะต้องตาย
Numb ThaiKJV 18:23  แต่คนเลวีจะต้องปฏิบัติงานของพลับพลาแห่งชุมนุม และเขาจะต้องรับโทษความชั่วช้าของเขา จะเป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้า เขาจะไม่มีส่วนมรดกท่ามกลางคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 18:24  เพราะว่าส่วนสิบชักหนึ่งของคนอิสราเอล ซึ่งนำมาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เราได้ให้แก่คนเลวีเป็นมรดก เพราะฉะนั้นเราจึงได้บอกเขาว่า ‘เขาจะไม่มีส่วนมรดกท่ามกลางคนอิสราเอล’”
Numb ThaiKJV 18:25  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 18:26  “ยิ่งกว่านั้น เจ้าจงกล่าวแก่คนเลวีว่า ‘เมื่อพวกเจ้ารับสิบชักหนึ่งจากคนอิสราเอล ซึ่งเราให้แก่เจ้าอันมาจากเขาเป็นมรดกของเจ้านั้น เจ้าจงนำสิบชักหนึ่งของสิบชักหนึ่งที่เจ้าได้มานั้นถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 18:27  และส่วนถวายของเจ้านั้นจะนับเหมือนหนึ่งเป็นพืชที่ได้มาจากลานนวดข้าว และเหมือนส่วนที่เต็มเปี่ยมจากบ่อย่ำองุ่น
Numb ThaiKJV 18:28  เพราะฉะนั้นเจ้าต้องนำของบูชาจากสิบชักหนึ่งทั้งสิ้นของเจ้าถวายแด่พระเยโฮวาห์ คือสิบชักหนึ่งที่เจ้ารับจากคนอิสราเอลนั้น จากส่วนได้นี้พวกเจ้าจงมอบของถวายแด่พระเยโฮวาห์แก่อาโรนปุโรหิต
Numb ThaiKJV 18:29  จากบรรดาของที่พวกเจ้าได้รับ เจ้าจงนำเครื่องถวายทุกสิ่งที่ต้องถวายแด่พระเยโฮวาห์ จากบรรดาของดีที่สุดนั้นคือส่วนของที่บริสุทธิ์’
Numb ThaiKJV 18:30  ฉะนั้นเจ้าจงพูดกับเขาว่า ‘เมื่อเจ้าได้ถวายส่วนที่ดีที่สุดแล้ว ให้คนเลวีนับส่วนที่เหลืออยู่เป็นเหมือนหนึ่งพืชที่ได้มาจากลานนวดข้าวและเป็นผลได้จากบ่อย่ำองุ่น
Numb ThaiKJV 18:31  และเจ้าจะรับประทานส่วนนั้น ณ ที่ใดๆก็ได้ ทั้งตัวเจ้าและครอบครัวของเจ้า เพราะว่าเป็นรางวัลตอบแทนงานปฏิบัติของเจ้าในพลับพลาแห่งชุมนุม
Numb ThaiKJV 18:32  เมื่อเจ้าได้ถวายส่วนที่ดีที่สุดแล้วเจ้าจะหามีโทษบาปโดยของถวายนั้นไม่ และเจ้าอย่าทำสิ่งบริสุทธิ์ของคนอิสราเอลให้มลทินเกลือกว่าเจ้าจะต้องตาย’”
Chapter 19
Numb ThaiKJV 19:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
Numb ThaiKJV 19:2  “ต่อไปนี้เป็นกฎพระราชบัญญัติซึ่งพระเยโฮวาห์ได้ทรงบัญชาว่า จงบอกคนอิสราเอลให้นำวัวตัวเมียสีแดงไม่พิการซึ่งไม่มีตำหนิ และยังไม่เคยเข้าเทียมแอก
Numb ThaiKJV 19:3  และเจ้าจงให้วัวนั้นแก่เอเลอาซาร์ปุโรหิต และให้เอาวัวนั้นไปนอกค่ายฆ่าเสียต่อหน้าเขา
Numb ThaiKJV 19:4  และเอเลอาซาร์ปุโรหิตจะเอานิ้วมือจุ่มเลือดวัวพรมที่ข้างหน้าพลับพลาแห่งชุมนุมเจ็ดครั้ง
Numb ThaiKJV 19:5  และให้มีคนเผาวัวตัวเมียนั้นเสียในสายตาของเขา คือเขาจะต้องเผาหนัง เนื้อ และเลือด กับมูลของมันเสียให้หมด
Numb ThaiKJV 19:6  และปุโรหิตจะเอาไม้สนสีดาร์ ต้นหุสบกับด้ายสีแดงโยนเข้าไปในไฟที่เผาวัวตัวเมียนั้น
Numb ThaiKJV 19:7  แล้วปุโรหิตจะซักเสื้อผ้าของตน และชำระร่างกายเสียในน้ำ ภายหลังจึงเข้าไปในค่ายและปุโรหิตนั้นจึงเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น
Numb ThaiKJV 19:8  ผู้ใดที่ทำการเผาวัวตัวเมียต้องซักเสื้อผ้าและชำระร่างกายของตนเสียในน้ำ และเขาจะเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น
Numb ThaiKJV 19:9  ให้ชายคนที่สะอาดเก็บขี้เถ้าวัวตัวเมียนั้น นำไปไว้นอกค่ายในที่สะอาด และให้เก็บขี้เถ้านั้นไว้ทำเป็นน้ำแห่งการแยกตั้งไว้สำหรับที่ชุมนุมชนอิสราเอลเพื่อเป็นการชำระล้างบาปออกเสีย
Numb ThaiKJV 19:10  และคนที่เก็บขี้เถ้าของวัวตัวเมียต้องซักเสื้อผ้าของตน และเขาจะเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น จะเป็นอย่างนี้แก่คนอิสราเอล และแก่คนต่างด้าวผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขา เป็นกฎเกณฑ์ถาวร
Numb ThaiKJV 19:11  ผู้ที่แตะต้องศพของผู้ใดก็ตามต้องเป็นมลทินอยู่เจ็ดวัน
Numb ThaiKJV 19:12  ในวันที่สามเขาต้องชำระตัวด้วยน้ำ แล้วในวันที่เจ็ดเขาจะสะอาด แต่ถ้าเขาไม่ชำระตัวในวันที่สาม ในวันที่เจ็ดเขาจะสะอาดไม่ได้
Numb ThaiKJV 19:13  ผู้ใดก็ตามแตะต้องคนตาย คือร่างกายของคนที่ตายแล้ว และมิได้ชำระตนให้บริสุทธิ์ ผู้นั้นก็กระทำให้พลับพลาของพระเยโฮวาห์มีมลทิน คนนั้นจะต้องถูกตัดขาดจากอิสราเอล เพราะน้ำแห่งการแยกตั้งไว้ไม่ได้พรมถูกตัวเขา เขาจะเป็นมลทิน มลทินยังค้างอยู่ที่เขา
Numb ThaiKJV 19:14  ต่อไปนี้เป็นพระราชบัญญัติเรื่องคนตายในเต็นท์ ทุกคนที่เข้ามาในเต็นท์ และสารพัดที่อยู่ในเต็นท์ จะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน
Numb ThaiKJV 19:15  ภาชนะทุกลูกที่ไม่มีฝาปิดต้องเป็นมลทิน
Numb ThaiKJV 19:16  คนใดที่อยู่ในพื้นทุ่งไปแตะต้องคนที่ถูกดาบตาย หรือแตะต้องศพ หรือกระดูกคน หรือหลุมศพ จะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน
Numb ThaiKJV 19:17  สำหรับคนที่เป็นมลทินนี้ จงเอาขี้เถ้าจากการเผาวัวตัวเมียในการบูชาไถ่บาป และเอาน้ำที่ไหลเติมเข้าไปปนในภาชนะ
Numb ThaiKJV 19:18  ให้คนสะอาดเอากิ่งหุสบจุ่มน้ำนั้นประพรมที่เต็นท์และเครื่องใช้สอยทั้งสิ้น และบนตัวคนที่อยู่ที่นั่นและบนตัวคนที่แตะต้องกระดูกหรือคนถูกฆ่าหรือคนตายหรือหลุมศพ
Numb ThaiKJV 19:19  ให้คนสะอาดประพรมคนที่เป็นมลทินในวันที่สามและวันที่เจ็ด อย่างนี้พอวันที่เจ็ดเขาจะทำให้คนนั้นสะอาด และเขาต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ พอถึงเวลาเย็นเขาจะสะอาด
Numb ThaiKJV 19:20  แต่คนที่เป็นมลทินและไม่ชำระตัวให้บริสุทธิ์ คนนั้นจะต้องถูกตัดขาดจากท่ามกลางที่ชุมนุม เพราะเขาได้กระทำให้สถานบริสุทธิ์ของพระเยโฮวาห์เป็นมลทิน คือว่าน้ำแห่งการแยกตั้งไว้ไม่ได้พรมถูกตัวเขา เขาจึงเป็นมลทิน
Numb ThaiKJV 19:21  และให้เป็นกฎเกณฑ์แก่พวกเขาอยู่เนืองนิตย์ ผู้ที่ประพรมน้ำแห่งการแยกตั้งไว้จะต้องซักเสื้อผ้าของตน และผู้ที่แตะต้องน้ำแห่งการแยกตั้งไว้จะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
Numb ThaiKJV 19:22  และสิ่งใดที่ผู้เป็นมลทินแตะต้อง สิ่งนั้นจะเป็นมลทิน และผู้ที่แตะต้องสิ่งนั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น”
Chapter 20
Numb ThaiKJV 20:1  ชุมนุมชนทั้งหมดของคนอิสราเอลเข้ามาในถิ่นทุรกันดารศินในเดือนที่หนึ่ง ประชาชนพักอยู่ในคาเดช มิเรียมก็สิ้นชีวิตและฝังไว้ที่นั่น
Numb ThaiKJV 20:2  ครั้งนั้นชุมนุมชนไม่มีน้ำ เขาประชุมกันว่าโมเสสและอาโรน
Numb ThaiKJV 20:3  ประชาชนตัดพ้อต่อว่าโมเสสว่า “เมื่อพี่น้องเราตายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์นั้น เราตายเสียด้วยก็ดี
Numb ThaiKJV 20:4  ท่านพาชุมนุมชนของพระเยโฮวาห์มาในถิ่นทุรกันดารนี้ให้ตายเสียที่นี่ทั้งตัวเราและสัตว์ของเราทำไม
Numb ThaiKJV 20:5  และทำไมท่านจึงให้เราออกจากอียิปต์ นำเรามายังที่เลวทรามนี้ เป็นที่ซึ่งไม่มีพืช ไม่มีมะเดื่อ องุ่นหรือทับทิม และไม่มีน้ำดื่ม”
Numb ThaiKJV 20:6  แล้วโมเสสและอาโรนออกจากที่ประชุมไปที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุมและซบหน้าลง และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ปรากฏแก่เขา
Numb ThaiKJV 20:7  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 20:8  “จงเอาไม้เท้าและเรียกประชุมชุมนุมชน ทั้งเจ้าและอาโรนพี่ชายของเจ้า และบอกหินต่อหน้าต่อตาประชาชนให้หินหลั่งน้ำ ดังนั้นเจ้าจะเอาน้ำออกจากหินให้เขา ดังนั้นแหละเจ้าจะให้น้ำแก่ชุมนุมชนและสัตว์ดื่ม”
Numb ThaiKJV 20:9  โมเสสก็นำไม้เท้าไปจากหน้าพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ดังที่พระองค์ทรงบัญชา
Numb ThaiKJV 20:10  โมเสสกับอาโรนก็เรียกชุมนุมชนให้ไปพร้อมกันที่หิน โมเสสกล่าวแก่เขาว่า “เจ้าผู้กบฏจงฟัง ณ บัดนี้จะให้เราเอาน้ำออกจากหินนี้ให้พวกเจ้าดื่มหรือ”
Numb ThaiKJV 20:11  และโมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้า และน้ำก็ไหลออกมามากมาย ชุมนุมชนและสัตว์ของเขาก็ได้ดื่มน้ำ
Numb ThaiKJV 20:12  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “เพราะเจ้ามิได้เชื่อเราจึงมิได้กระทำให้เราเป็นที่บริสุทธิ์ในสายตาของคนอิสราเอล เพราะฉะนั้นเจ้าจึงจะมิได้นำชุมนุมชนนี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่เขา”
Numb ThaiKJV 20:13  น้ำนั้นคือน้ำเมรีบาห์ เพราะว่าคนอิสราเอลได้ต่อว่าพระเยโฮวาห์ และพระองค์ทรงสำแดงความบริสุทธิ์ท่ามกลางเขา
Numb ThaiKJV 20:14  โมเสสได้ส่งผู้สื่อสารจากคาเดชไปถึงกษัตริย์แห่งเอโดมว่า “พี่น้องซึ่งเป็นคนอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า ท่านก็ทราบถึงบรรดาความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นแก่เราแล้ว
Numb ThaiKJV 20:15  ว่าบรรพบุรุษของเราลงไปยังอียิปต์ และเราอยู่ในอียิปต์ช้านาน และชาวอียิปต์ได้ข่มเหงเราและบรรพบุรุษของเรา
Numb ThaiKJV 20:16  และเมื่อเราร้องทูลพระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงสดับเสียงของเรา และได้ส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งนำเราออกจากอียิปต์ และดูเถิด เรามาอยู่ในคาเดชเป็นเมืองที่อยู่ชิดพรมแดนของท่าน
Numb ThaiKJV 20:17  ขอให้เรายกผ่านเขตแดนของท่าน เราจะไม่ผ่านไร่นาหรือสวนองุ่นของท่าน เราจะไม่ดื่มน้ำจากบ่อ เราจะเดินไปตามทางหลวง เราจะไม่หันไปทางขวามือหรือทางซ้ายมือ จนกว่าเราจะผ่านพ้นเขตแดนของท่าน”
Numb ThaiKJV 20:18  แต่เอโดมกล่าวแก่ท่านว่า “ท่านจะยกผ่านไปไม่ได้เกลือกว่าเราจะยกออกมาสู้ท่านด้วยดาบ”
Numb ThaiKJV 20:19  และคนอิสราเอลพูดกับกษัตริย์แห่งเอโดมว่า “เราจะขึ้นไปตามทางหลวง ถ้าเราดื่มน้ำของท่านไม่ว่าตัวเราหรือสัตว์ เราจะชำระเงินให้ ขอให้เราเดินผ่านไป เราไม่ต้องการอะไรอีก”
Numb ThaiKJV 20:20  แต่ท่านตอบว่า “เจ้าจะยกผ่านไปไม่ได้” แล้วเอโดมก็ยกพลเป็นอันมากมาต่อสู้เขาทั้งหลายด้วยมืออันเข้มแข็ง
Numb ThaiKJV 20:21  เช่นนี้แหละเอโดมปฏิเสธไม่ให้อิสราเอลยกผ่านพรมแดนของท่าน ดังนั้นอิสราเอลจึงหันไปจากท่าน
Numb ThaiKJV 20:22  และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดเดินทางจากคาเดชมาถึงภูเขาโฮร์
Numb ThaiKJV 20:23  ที่ภูเขาโฮร์นี้พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนริมเขตแดนแผ่นดินเอโดมว่า
Numb ThaiKJV 20:24  “อาโรนจะต้องถูกรวบไปอยู่กับพวกของเขา เพราะเขาจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเรายกให้แก่คนอิสราเอล เพราะเจ้าทั้งสองกบฏต่อคำสั่งของเราที่น้ำเมรีบาห์
Numb ThaiKJV 20:25  จงนำอาโรนและเอเลอาซาร์บุตรชายของเขา นำเขาขึ้นมาบนภูเขาโฮร์
Numb ThaiKJV 20:26  จงถอดเสื้อของอาโรนสวมให้แก่เอเลอาซาร์บุตรชายของเขา และอาโรนจะถูกรวบไปอยู่กับพวกของเขา เขาจะตายที่นั่น”
Numb ThaiKJV 20:27  โมเสสก็กระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชา และพวกท่านก็ขึ้นไปบนภูเขาโฮร์ท่ามกลางสายตาของชุมนุมชนทั้งหมด
Numb ThaiKJV 20:28  และโมเสสถอดเสื้อผ้าของอาโรน และสวมให้แก่เอเลอาซาร์บุตรชายของเขา และอาโรนก็สิ้นชีวิตอยู่ที่ยอดภูเขานั้น แล้วโมเสสและเอเลอาซาร์ลงมาจากภูเขา
Numb ThaiKJV 20:29  เมื่อบรรดาชุมนุมชนเห็นว่าอาโรนสิ้นชีวิตเสียแล้ว วงศ์วานอิสราเอลทั้งหมดก็ร้องไห้ไว้ทุกข์ให้อาโรนอยู่สามสิบวัน
Chapter 21
Numb ThaiKJV 21:1  เมื่อกษัตริย์เมืองอาราด ชาวคานาอันผู้อยู่ทางภาคใต้ ได้ยินว่าอิสราเอลกำลังยกมาตามทางที่พวกสอดแนมใช้นั้น ท่านต่อสู้กับคนอิสราเอลและจับไปเป็นเชลยได้บ้าง
Numb ThaiKJV 21:2  และคนอิสราเอลปฏิญาณไว้กับพระเยโฮวาห์ว่า “ถ้าพระองค์จะทรงมอบชนชาตินี้ไว้ในมือข้าพระองค์แน่แล้ว ข้าพระองค์จะทำลายบ้านเมืองเขาเสียให้สิ้น”
Numb ThaiKJV 21:3  และพระเยโฮวาห์ทรงสดับเสียงของคนอิสราเอลและมอบชาวคานาอันไว้ เขาก็ทำลายชาวคานาอันและบ้านเมืองของเขาเสียสิ้น จึงได้เรียกชื่อตำบลนั้นว่าโฮรมาห์
Numb ThaiKJV 21:4  เขาทั้งหลายออกเดินจากภูเขาโฮร์ตามทางที่ไปทะเลแดงเพื่อจะอ้อมแผ่นดินเอโดม ประชาชนท้อใจมากเพราะเหตุหนทาง
Numb ThaiKJV 21:5  และประชาชนก็บ่นว่าพระเจ้าและว่าโมเสสว่า “ทำไมพาเราออกจากอียิปต์มาตายในถิ่นทุรกันดาร เพราะไม่มีอาหารและไม่มีน้ำ เราเบื่ออาหารอันไร้ค่านี้”
Numb ThaiKJV 21:6  และพระเยโฮวาห์ก็ทรงให้งูแมวเซามาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายมาก
Numb ThaiKJV 21:7  และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทั้งหลายได้กระทำบาปเพราะเราทั้งหลายได้บ่นว่าพระเยโฮวาห์และบ่นว่าท่าน ขอทูลแด่พระเยโฮวาห์ ขอพระองค์ทรงนำงูไปจากเราเสีย” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน
Numb ThaiKJV 21:8  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา และต่อมาทุกคนที่ถูกงูกัดเมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้”
Numb ThaiKJV 21:9  ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองเหลืองตัวหนึ่ง และติดไว้ที่เสา แล้วต่อมาถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองเหลืองนั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
Numb ThaiKJV 21:10  และคนอิสราเอลก็ยกออกเดินไปตั้งค่ายอยู่ที่โอโบท
Numb ThaiKJV 21:11  และเขาออกเดินจากโอโบทไปตั้งค่ายอยู่ที่อิเยอาบาริม อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ตรงข้ามโมอับ ทางทิศตะวันขึ้น
Numb ThaiKJV 21:12  เขายกออกจากที่นั่นมาตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเศเรด
Numb ThaiKJV 21:13  เขายกออกจากที่นั่นไปตั้งอยู่ฟากแม่น้ำอารโนนข้างโน้น ซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่ยืดมาจากพรมแดนของคนอาโมไรต์ เพราะว่าแม่น้ำอารโนนเป็นพรมแดนของโมอับ ระหว่างโมอับกับคนอาโมไรต์
Numb ThaiKJV 21:14  ดังนั้นในหนังสือสงครามของพระเยโฮวาห์จึงมีว่า “พระองค์ทรงชนะที่ทะเลแดง และลุ่มแม่น้ำอารโนน
Numb ThaiKJV 21:15  และที่เชิงลาดของที่ลุ่มเหล่านั้นซึ่งยืดไปจนถึงที่ตั้งเมืองอาร์ และพาดพิงไปถึงพรมแดนโมอับ”
Numb ThaiKJV 21:16  จากที่นั่นเขาออกเดินต่อไปถึงเมืองเบเออร์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงรวบรวมประชาชนเข้าด้วยกัน เราจะให้น้ำแก่เขา”
Numb ThaiKJV 21:17  แล้วอิสราเอลจึงร้องเพลงนี้ว่า “โอ บ่อน้ำเอ๋ย จงมีน้ำพลุ่งขึ้นมา ให้เรามาร้องเพลงกัน
Numb ThaiKJV 21:18  เป็นบ่อน้ำที่เจ้านายได้ขุดไว้ เป็นบ่อที่ขุนนางของประชาชนเจาะไว้ ด้วยคทาและไม้เท้าของผู้ทรงตั้งพระราชบัญญัติ” และจากถิ่นทุรกันดารนั้นไป เขาก็มาถึงมัทธานาห์
Numb ThaiKJV 21:19  และจากมัทธานาห์ถึงตำบลนาหะลีเอล และจากนาหะลีเอลถึงตำบลบาโมท
Numb ThaiKJV 21:20  และจากบาโมทถึงหุบเขาซึ่งอยู่ในท้องถิ่นโมอับข้างยอดเขาปิสกาห์ซึ่งมองลงมาเห็นเยชิโมน
Numb ThaiKJV 21:21  แล้วอิสราเอลส่งผู้สื่อสารไปหาสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์กล่าวว่า
Numb ThaiKJV 21:22  “ขอให้ข้าพเจ้าผ่านแผ่นดินของท่าน พวกเราจะไม่เลี้ยวเข้าไปในนาหรือในสวนองุ่น เราจะไม่ดื่มน้ำจากบ่อ เราจะเดินไปตามทางหลวงจนเราได้ผ่านพรมแดนเมืองของท่าน”
Numb ThaiKJV 21:23  แต่สิโหนไม่ยอมให้อิสราเอลยกผ่านพรมแดนของท่าน สิโหนรวบรวมพลทั้งหมดของท่านยกออกสู้รบกับอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร และท่านมาถึงยาฮาสรบกับอิสราเอลที่นั่น
Numb ThaiKJV 21:24  และอิสราเอลได้ประหารท่านเสียด้วยคมดาบ ยึดเอาแผ่นดินของท่านจากแม่น้ำอารโนนจนถึงแถวยับบอก ไกลไปจนถึงแดนคนอัมโมนเพราะว่าพรมแดนของคนอัมโมนเข้มแข็ง
Numb ThaiKJV 21:25  และอิสราเอลยึดเมืองเหล่านี้ทั้งหมด และอิสราเอลเข้าตั้งอยู่ในบรรดาหัวเมืองของคนอาโมไรต์ ในเฮชโบน และตามชนบททั้งหมด
Numb ThaiKJV 21:26  เพราะว่าเฮชโบนเป็นเมืองหลวงของสิโหนกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ ผู้ที่ต่อสู้กับกษัตริย์ชาวโมอับองค์ก่อน และยึดได้แผ่นดินของท่านทั้งสิ้นไกลไปถึงแม่น้ำอารโนน
Numb ThaiKJV 21:27  เพราะฉะนั้นนักร้องบทสุภาษิตจึงร้องว่า “มาที่เฮชโบน ให้สร้างและสถาปนาเมืองแห่งสิโหนขึ้น
Numb ThaiKJV 21:28  เพราะว่ามีไฟออกไปจากเฮชโบน มีเปลวไฟออกไปจากเมืองแห่งสิโหน ได้ทำลายเมืองอาร์ของโมอับ เจ้าของแห่งปูชนียสถานสูงของแม่น้ำอารโนน
Numb ThaiKJV 21:29  โมอับเอ๋ย วิบัติแก่เจ้า โอ ชนชาติแห่งพระเคโมชเอ๋ย เจ้าต้องพินาศ พระเคโมชได้มอบทั้งบุตรชายของตนที่หลบภัยแล้วกับบุตรสาวของตน ให้เป็นเชลยของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์
Numb ThaiKJV 21:30  เราทั้งหลายได้ยิงเขาทั้งปวง เฮชโบนพินาศจนถึงดีโบน เราได้กวาดล้างถึงโนฟาห์เสียคือถึงเมเดบา”
Numb ThaiKJV 21:31  ดังนั้นอิสราเอลได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินคนอาโมไรต์
Numb ThaiKJV 21:32  และโมเสสใช้คนไปสอดแนมเมืองยาเซอร์ และเขาทั้งหลายได้ยึดชนบทของเมืองนั้น และขับไล่คนอาโมไรต์ที่อยู่ที่นั่นเสีย
Numb ThaiKJV 21:33  แล้วเขาก็เลี้ยวยกเดินไปตามทางเมืองบาชาน และโอกกษัตริย์เมืองบาชานก็ออกมา ทั้งตัวท่านกับพลไพร่ทั้งสิ้นของท่าน เพื่อสู้รบกับเขาที่เอเดรอี
Numb ThaiKJV 21:34  แต่พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราได้มอบเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว ทั้งบรรดาพลไพร่ของเขา และแผ่นดินของเขา และเจ้าจะกระทำแก่เขาอย่างเจ้าได้กระทำแก่สิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ผู้อยู่ที่เฮชโบน”
Numb ThaiKJV 21:35  ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงฆ่าโอกและโอรสของท่านเสีย ทั้งประชาชนทั้งสิ้นของท่าน ไม่มีเหลือให้ท่านสักคนเดียว และเขาทั้งหลายก็เข้ายึดแผ่นดินของท่าน
Chapter 22
Numb ThaiKJV 22:1  แล้วคนอิสราเอลก็ยกออกไปตั้งค่ายอยู่ ณ ที่ราบโมอับซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ใกล้เมืองเยรีโค
Numb ThaiKJV 22:2  ฝ่ายบาลาคบุตรชายศิปโปร์ได้เห็นการทั้งปวงซึ่งอิสราเอลได้กระทำต่อคนอาโมไรต์
Numb ThaiKJV 22:3  ทั้งโมอับก็ครั่นคร้ามต่อชนชาตินั้นนักหนา เพราะเขามีคนมากด้วยกัน โมอับกลัวคนอิสราเอลลานทีเดียว
Numb ThaiKJV 22:4  โมอับจึงพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองมีเดียนว่า “คนเหล่านี้จะมาเลียกินสารพัดที่ล้อมรอบเราอยู่หมด เหมือนวัวเลียกินหญ้าในนา” บาลาคบุตรชายศิปโปร์เป็นกษัตริย์เมืองโมอับในเวลานั้น
Numb ThaiKJV 22:5  ท่านใช้ผู้สื่อสารไปยังบาลาอัมบุตรชายเบโอร์ที่เปโธร์ใกล้แม่น้ำในแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน โดยกล่าวว่า “ดูเถิด ชนชาติหนึ่งออกมาจากอียิปต์ ดูเถิด เขาทั้งหลายเข้าแผ่คลุมพื้นแผ่นดินโลก กำลังพักอยู่ตรงข้ามข้าพเจ้า
Numb ThaiKJV 22:6  ฉะนั้น ขอเชิญมาเถิด บัดนี้ขอสาปแช่งชนชาตินี้ให้แก่ข้าพเจ้า เพราะเขาเข้มแข็งกว่าข้าพเจ้ามาก ชะรอยข้าพเจ้าจะสามารถรบชนะเขาและขับไล่เขาออกไปจากแผ่นดินได้ เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า ถ้าท่านอวยพรแก่ผู้ใด ผู้นั้นจะเป็นไปตามพรนั้น และท่านสาปแช่งผู้ใด ผู้นั้นก็ถูกสาปแช่ง”
Numb ThaiKJV 22:7  ดังนั้นพวกผู้ใหญ่ของเมืองโมอับกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองมีเดียนก็ถือค่าการทำอาถรรพ์นั้นออกไป ครั้นเขาทั้งหลายมาถึงบาลาอัม ก็บอกคำของบาลาคแก่เขา
Numb ThaiKJV 22:8  บาลาอัมกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า “คืนนี้จงค้างที่นี่ก่อน เมื่อพระเยโฮวาห์ตรัสอย่างไรแก่ข้าแล้ว ข้าจึงจะนำคำนั้นมาแจ้งแก่ท่านทั้งหลาย” ดังนั้นเจ้าเมืองแห่งโมอับจึงยับยั้งอยู่กับบาลาอัม
Numb ThaiKJV 22:9  และพระเจ้าเสด็จมาหาบาลาอัมตรัสว่า “คนที่มาอยู่กับเจ้าคือผู้ใด”
Numb ThaiKJV 22:10  บาลาอัมทูลพระเจ้าว่า “บาลาคบุตรชายศิปโปร์กษัตริย์เมืองโมอับได้ใช้เขาทั้งหลายมาแจ้งแก่ข้าพระองค์ว่า
Numb ThaiKJV 22:11  ‘ดูเถิด ชนชาติหนึ่งออกจากอียิปต์มาแผ่คลุมพื้นแผ่นดินโลก ขอเชิญมาเถิด ขอสาปแช่งเขาทั้งหลายให้แก่ข้าพเจ้า ชะรอยข้าพเจ้าจะรบชนะเขาและขับไล่เขาออกไปได้’”
Numb ThaiKJV 22:12  พระเจ้าตรัสกับบาลาอัมว่า “เจ้าอย่าไปกับเขาทั้งหลาย เจ้าอย่าแช่งชนชาตินั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นคนที่ได้รับพร”
Numb ThaiKJV 22:13  รุ่งเช้าบาลาอัมก็ลุกขึ้นกล่าวแก่เจ้านายของบาลาคว่า “จงกลับไปแผ่นดินของท่านเถิด เพราะพระเยโฮวาห์ทรงปฏิเสธมิให้เราไปกับท่าน”
Numb ThaiKJV 22:14  เพราะฉะนั้นเจ้านายแห่งโมอับก็ลุกขึ้นกลับไปหาบาลาคกล่าวว่า “บาลาอัมปฏิเสธไม่ยอมมากับเรา”
Numb ThaiKJV 22:15  บาลาคได้ส่งพวกเจ้านายไปอีกครั้งหนึ่ง มีจำนวนมากกว่า และมีเกียรติยศมากกว่ารุ่นก่อน
Numb ThaiKJV 22:16  เขาทั้งหลายมาถึงบาลาอัมกล่าวแก่ท่านว่า “บาลาคบุตรชายศิปโปร์กล่าวดังนี้ว่า ‘ขออย่าให้มีอะไรขัดขวางท่านที่จะไปหาข้าพเจ้าเลย
Numb ThaiKJV 22:17  เพราะข้าพเจ้าจะให้เกียรติแก่ท่านอย่างสูงแน่ ท่านจะให้ข้าพเจ้าทำอะไรให้ ข้าพเจ้าจะกระทำตาม ขอเชิญมาสาปแช่งชนชาตินี้ให้แก่ข้าพเจ้า’”
Numb ThaiKJV 22:18  แต่บาลาอัมได้ตอบคนใช้ของบาลาคว่า “แม้ว่าบาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของท่านแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าไม่ได้ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
Numb ThaiKJV 22:19  ฉะนั้นบัดนี้ขอท่านยับยั้งอยู่ที่นี่สักคืนหนึ่งก่อนด้วย เพื่อข้าพเจ้าจะทราบว่าพระเยโฮวาห์จะตรัสเพิ่มเติมประการใดแก่ข้าพเจ้าบ้าง”
Numb ThaiKJV 22:20  และพระเจ้าเสด็จมาหาบาลาอัมในกลางคืนตรัสแก่เขาว่า “ถ้ามีผู้ชายมาเรียกเจ้าจงลุกขึ้นไปกับเขา แต่เจ้าจงกระทำตามที่เราสั่งเจ้าเท่านั้น”
Numb ThaiKJV 22:21  ดังนั้นรุ่งเช้าบาลาอัมก็ลุกขึ้นผูกอานลา ไปกับเจ้านายแห่งโมอับ
Numb ThaiKJV 22:22  แต่พระเจ้าทรงกริ้วต่อบาลาอัมเพราะเขาไป ดังนั้นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์มายืนเป็นผู้สกัดทางบาลาอัมไว้ ฝ่ายบาลาอัมขี่ลามีคนใช้สองคนไปกับเขา
Numb ThaiKJV 22:23  เมื่อลานั้นเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ถือดาบยืนอยู่ในหนทาง ลาก็เลี้ยวออกนอกทาง เข้าไปในทุ่งนา บาลาอัมจึงตีลาให้กลับไปทางเดิม
Numb ThaiKJV 22:24  แล้วทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์มายืนอยู่ในทางแคบระหว่างสวนองุ่น มีกำแพงทั้งสองข้างทาง
Numb ThaiKJV 22:25  เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์มันก็ดันไปติดกำแพง หนีบเท้าของบาลาอัมเข้ากับกำแพง บาลาอัมก็ตีลาอีก
Numb ThaiKJV 22:26  แล้วทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ก็เดินไปข้างหน้ายืนอยู่ในที่แคบ ไม่มีทางที่จะหลีกไปข้างขวาหรือข้างซ้าย
Numb ThaiKJV 22:27  เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์มันก็หมอบลง บาลาอัมยังคงนั่งอยู่บนหลัง บาลาอัมก็โกรธ จึงเอาไม้เท้าของเขาตีลา
Numb ThaiKJV 22:28  แล้วพระเยโฮวาห์เปิดปากลา มันจึงพูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำอะไรแก่ท่าน ท่านจึงได้ตีข้าพเจ้าถึงสามครั้ง”
Numb ThaiKJV 22:29  บาลาอัมพูดกับลาว่า “เพราะเจ้าได้แกล้งเรา เราอยากจะมีดาบอยู่ในมือเดี๋ยวนี้ เราจะได้ฆ่าเจ้าเสีย”
Numb ThaiKJV 22:30  ลาก็พูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ลาของท่านที่ท่านขับขี่อยู่ทุกวันตลอดชีวิตจนบัดนี้ดอกหรือ ข้าพเจ้าได้เคยกระทำเช่นนี้แก่ท่านหรือ” บาลาอัมก็บอกว่า “ไม่เคย”
Numb ThaiKJV 22:31  แล้วพระเยโฮวาห์ทรงเบิกตาบาลาอัม เขาจึงเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ถือดาบยืนอยู่ในหนทาง บาลาอัมก็ก้มศีรษะซบหน้าลงกราบ
Numb ThaiKJV 22:32  และทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์พูดกับบาลาอัมว่า “ทำไมเจ้าจึงตีลาของเจ้าถึงสามครั้ง ดูเถิด เรามาห้ามเจ้า เพราะการประพฤติของเจ้าขัดขืนเรา
Numb ThaiKJV 22:33  ลาได้เห็นเราและหลีกไปต่อหน้าเราถึงสามครั้ง ถ้ามันมิได้หลีกไปจากเรา เราจะได้ฆ่าเจ้าเสียแล้วเมื่อตะกี้นี้แน่ และให้ลารอดตายไป”
Numb ThaiKJV 22:34  แล้วบาลาอัมพูดกับทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำบาป เพราะข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านยืนอยู่ในหนทางกั้นข้าพเจ้า ฉะนั้นบัดนี้ถ้าท่านไม่เห็นชอบ ข้าพเจ้าจะกลับไปเสีย”
Numb ThaiKJV 22:35  แล้วทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์พูดกับบาลาอัมว่า “จงไปกับชายเหล่านั้นเถิด แต่เจ้าจงพูดเฉพาะคำที่เราให้เจ้าพูด” ดังนั้นบาลาอัมก็ไปกับเจ้านายของบาลาคต่อไป
Numb ThaiKJV 22:36  เมื่อบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมมาแล้ว ท่านจึงออกไปรับบาลาอัมที่เมืองโมอับที่สุดปลายพรมแดนซึ่งเกิดขึ้นด้วยแม่น้ำอารโนน
Numb ThaiKJV 22:37  บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “เราได้อุตส่าห์ใช้คนไปเชิญท่านมามิใช่หรือ เหตุไฉนท่านไม่มาหาเราเล่า เราไม่สามารถที่จะให้เกียรติแก่ท่านหรือ”
Numb ThaiKJV 22:38  บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้ามาหาท่านแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรได้เล่า คำซึ่งพระเจ้าใส่ปากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องกล่าว”
Numb ThaiKJV 22:39  แล้วบาลาอัมไปกับบาลาคถึงตำบลคีริยาทหุโซท
Numb ThaiKJV 22:40  ณ ที่นั่นบาลาคเอาวัวและแกะถวายบูชา แล้วส่งไปให้บาลาอัมและเจ้านายที่อยู่กับเขาบ้าง
Numb ThaiKJV 22:41  ต่อมารุ่งขึ้นบาลาคก็พาบาลาอัมขึ้นไปยังปูชนียสถานสูงของพระบาอัล จากที่นั่นก็ได้เห็นประชาชนส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุด
Chapter 23
Numb ThaiKJV 23:1  บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ท่านจงสร้างแท่นบูชาให้ข้าพเจ้าที่นี่เจ็ดแท่น และจัดวัวผู้เจ็ดตัว แกะผู้เจ็ดตัวให้ข้าพเจ้า”
Numb ThaiKJV 23:2  บาลาคก็กระทำตามคำของบาลาอัม บาลาคและบาลาอัมเอาวัวผู้ตัวหนึ่งแกะผู้ตัวหนึ่งกระทำบูชาที่แท่นบูชาทุกแท่น
Numb ThaiKJV 23:3  แล้วบาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “จงยืนอยู่ใกล้เครื่องเผาบูชาของท่านแล้วข้าพเจ้าจะไป ชะรอยพระเยโฮวาห์จะเสด็จมาหาข้าพเจ้า และสิ่งใดที่พระองค์สำแดงแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะบอกท่าน” แล้วเขาก็ขึ้นไปยังที่สูง
Numb ThaiKJV 23:4  พระเจ้าทรงพบกับบาลาอัม และบาลาอัมกราบทูลพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ได้จัดแท่นบูชาเจ็ดแท่น ทั้งได้จัดวัวผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่งบูชาอยู่ทุกแท่น”
Numb ThaiKJV 23:5  พระเยโฮวาห์ทรงใส่ถ้อยคำในปากของบาลาอัมและตรัสว่า “จงกลับไปหาบาลาคแล้วจงพูดอย่างนั้น”
Numb ThaiKJV 23:6  บาลาอัมจึงกลับไปหาบาลาค และดูเถิด บาลาคกับบรรดาเจ้านายแห่งโมอับยืนอยู่ที่ข้างเครื่องเผาบูชาของท่าน
Numb ThaiKJV 23:7  บาลาอัมได้กล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “บาลาคได้พาข้าพเจ้ามาจากอารัม ท่านกษัตริย์ของโมอับได้พาข้าพเจ้ามาจากภูเขาทางตะวันออก กล่าวว่า ‘มาเถิด มาแช่งยาโคบเพื่อข้าพเจ้า มาเถิด มาประณามอิสราเอล’
Numb ThaiKJV 23:8  ข้าพเจ้าจะแช่งผู้ที่พระเจ้าไม่ทรงแช่งได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะประณามผู้ที่พระเยโฮวาห์ไม่ทรงประณามได้อย่างไร
Numb ThaiKJV 23:9  เพราะข้าพเจ้าได้ดูเขาจากยอดผา จากเนินสูงข้าพเจ้าได้เห็นเขาแน่ะ ดูเถิด ชนชาติหนึ่งอยู่ลำพังและมิได้นับเข้าในหมู่ประชาชาติ
Numb ThaiKJV 23:10  ใครจะนับผงคลีดินของยาโคบได้ หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้ ขอให้ข้าพเจ้าตายอย่างคนชอบธรรม และขอให้สุดปลายชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างของเขา”
Numb ThaiKJV 23:11  แล้วบาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ท่านได้กระทำอะไรแก่เราเล่า เราเชิญท่านให้มาแช่งพวกศัตรูของเรา ดูเถิด ท่านไม่ได้กระทำอะไรแก่เขานอกจากอวยพรเขา”
Numb ThaiKJV 23:12  เขาจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องระวังที่จะกล่าวคำซึ่งพระเยโฮวาห์ใส่ในปากข้าพเจ้าหรือ”
Numb ThaiKJV 23:13  บาลาคพูดกับเขาว่า “เชิญท่านไปอีกที่หนึ่งกับข้าพเจ้าเถิด ซึ่งท่านจะดูเขาจากที่นั่นได้ ท่านจะเห็นเพียงส่วนที่ใกล้ที่สุด และจะไม่เห็นคนทั้งหมด จากที่นั่นท่านจงแช่งเขาทั้งหลายให้ข้าพเจ้าเถิด”
Numb ThaiKJV 23:14  แล้วบาลาคก็พาบาลาอัมมาถึงนาของโศฟิม ขึ้นถึงยอดเขาปิสกาห์ สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่น และจัดวัวผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่งบูชาอยู่บนทุกแท่น
Numb ThaiKJV 23:15  บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “จงยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชาของท่านเถิด ขณะที่ข้าพเจ้าไปพบพระเยโฮวาห์ตรงโน้น”
Numb ThaiKJV 23:16  แล้วพระเยโฮวาห์ทรงพบบาลาอัมและทรงใส่ถ้อยคำในปากของเขาตรัสว่า “จงกลับไปหาบาลาค และจงพูดอย่างนั้น”
Numb ThaiKJV 23:17  บาลาอัมก็กลับมาหาบาลาค ดูเถิด เขายืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชาของท่าน มีเจ้านายแห่งโมอับยืนอยู่กับท่าน บาลาคจึงถามเขาว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสว่ากระไร”
Numb ThaiKJV 23:18  บาลาอัมก็ได้กล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “บาลาค ลุกขึ้นเถิดและคอยฟัง บุตรชายของศิปโปร์ จงฟังข้าพเจ้าเถิด
Numb ThaiKJV 23:19  พระเจ้ามิใช่มนุษย์จึงมิได้มุสา และมิได้เป็นบุตรของมนุษย์จึงไม่ต้องกลับใจ ที่พระองค์ตรัสไปแล้ว พระองค์ก็จะมิทรงกระทำตามหรือ ที่พระองค์ทรงลั่นวาจาแล้ว จะไม่ทรงกระทำให้สำเร็จหรือ
Numb ThaiKJV 23:20  ดูเถิด ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชาให้อวยพร พระองค์ได้ทรงอำนวยพร และข้าพเจ้าจะเรียกกลับไม่ได้
Numb ThaiKJV 23:21  พระองค์ได้ทอดพระเนตรว่าไม่มีความชั่วช้าในยาโคบ และทรงเห็นว่าไม่มีความชั่วร้ายในอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาอยู่กับเขา และเสียงโห่ร้องถวายพรพระมหากษัตริย์อยู่ท่ามกลางเขา
Numb ThaiKJV 23:22  พระเจ้าทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์ พระองค์ทรงเป็นเสมือนพลังแห่งม้ายูนิคอน
Numb ThaiKJV 23:23  ไม่มีการถือลางต่อต้านยาโคบ ไม่มีการทำนายต่อต้านอิสราเอล ถึงเวลาแล้วยาโคบและอิสราเอลก็จะได้รับคำบอกว่า ‘พระเจ้าจะทรงกระทำอะไร’
Numb ThaiKJV 23:24  ดูเถิด ชนชาติหนึ่งซึ่งลุกขึ้นอย่างสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ และยืนขึ้นอย่างสิงโตหนุ่ม ไม่ยอมนอนจนกว่าจะกินเหยื่อเสีย และดื่มเลือดของสิ่งที่ฆ่าตาย”
Numb ThaiKJV 23:25  แล้วบาลาคจึงพูดกับบาลาอัม “อย่าแช่งเขาเลย ทั้งอย่าอวยพรแก่เขา”
Numb ThaiKJV 23:26  แต่บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกท่านแล้วหรือว่า ‘ทุกสิ่งที่พระเยโฮวาห์ตรัส ข้าพเจ้าจะต้องกระทำตาม’”
Numb ThaiKJV 23:27  บาลาคจึงพูดกับบาลาอัมว่า “มาเถิด ข้าพเจ้าจะพาท่านไปอีกที่หนึ่ง ชะรอยพระเจ้าจะทรงโปรดให้ท่านแช่งเขาเพื่อข้าพเจ้าจากที่นั่น”
Numb ThaiKJV 23:28  บาลาคก็พาบาลาอัมไปถึงยอดเขาเปโอร์ ซึ่งมองลงมาเห็นเยชิโมน
Numb ThaiKJV 23:29  แล้วบาลาอัมบอกกับบาลาคว่า “จงสร้างแท่นบูชาที่นี่เจ็ดแท่นให้ข้าพเจ้า จัดวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัวให้ข้าพเจ้าที่นี่”
Numb ThaiKJV 23:30  บาลาคจึงกระทำตามที่บาลาอัมได้บอก และถวายบูชาวัวผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่งบนแท่นทุกแท่น
Chapter 24
Numb ThaiKJV 24:1  เมื่อบาลาอัมเห็นว่าพระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัยที่จะให้อวยพรแก่อิสราเอล บาลาอัมก็หาได้ไปแสวงหาลางอย่างครั้งก่อนๆไม่ แต่มุ่งหน้าตรงไปยังถิ่นทุรกันดาร
Numb ThaiKJV 24:2  บาลาอัมเงยหน้าดูเห็นอิสราเอลอยู่เป็นค่ายๆตามตระกูล แล้วพระวิญญาณของพระเจ้ามาอยู่บนเขา
Numb ThaiKJV 24:3  เขาจึงกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรชายเบโอร์ คำพยากรณ์ของชายที่หูตาแจ้ง
Numb ThaiKJV 24:4  คำพยากรณ์ของผู้ที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ได้ล้มลงจนเกิดความมึนงง แต่ตาไม่มีสิ่งใดบัง
Numb ThaiKJV 24:5  โอ ยาโคบเอ๋ย เต็นท์ของท่านช่างงามเหลือเกิน โอ อิสราเอลเอ๋ย ค่ายของท่านก็งาม
Numb ThaiKJV 24:6  เหมือนหุบเขาที่ยืดไปไกล เหมือนสวนซึ่งอยู่ข้างแม่น้ำ เหมือนต้นกฤษณาซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงปลูกไว้ เหมือนต้นสนสีดาร์ที่อยู่ข้างลำน้ำ
Numb ThaiKJV 24:7  น้ำจะไหลออกจากถังของเขา และเชื้อสายของเขาจะมีอยู่ตามลำน้ำเป็นอันมาก กษัตริย์ของเขาจะสูงกว่ากษัตริย์อากัก ราชอาณาจักรของเขาจะรุ่งเรือง
Numb ThaiKJV 24:8  พระเจ้าผู้ทรงนำเขาออกมาจากอียิปต์ ทรงเป็นเสมือนพลังแห่งม้ายูนิคอน เขาจะกินประชาชาติซึ่งเป็นศัตรูเสีย และหักกระดูกของศัตรูเหล่านั้น และแทงเขาทั้งหลายทะลุด้วยลูกศร
Numb ThaiKJV 24:9  เขาหมอบลงและนอนลงอย่างสิงโต เขาเหมือนสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ ใครเล่าจะมาปลุกให้เขาลุกขึ้น ผู้ใดที่อวยพรแก่ท่าน ขอให้เขาได้รับพร ผู้ใดที่แช่งท่าน ขอให้เขาได้รับคำแช่ง”
Numb ThaiKJV 24:10  บาลาคก็โกรธบาลาอัม จึงตบมือ แล้วบาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “เราเชิญท่านมาให้แช่งศัตรูของเรา และดูเถิด ท่านได้อวยพรแก่เขาถึงสามครั้ง
Numb ThaiKJV 24:11  ฉะนั้นบัดนี้ จงหนีไปยังที่อยู่ของท่านเถิด เราได้กล่าวว่า เราจะให้เกียรติแก่ท่านแน่แท้ แต่ดูเถิด พระเยโฮวาห์ทรงขัดขวางมิให้ท่านได้รับเกียรติ”
Numb ThaiKJV 24:12  แต่บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ข้าพเจ้ามิได้บอกผู้สื่อสารซึ่งท่านใช้ให้ไปหาข้าพเจ้านั้นแล้วหรือว่า
Numb ThaiKJV 24:13  ‘แม้ว่าบาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของเขาแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ไม่ได้ ที่จะทำตามใจข้าพเจ้าไม่ว่าดีหรือชั่ว พระเยโฮวาห์ตรัสประการใด ข้าพเจ้าจะพูดอย่างนั้น’
Numb ThaiKJV 24:14  ดูเถิด บัดนี้ข้าพเจ้าจะกลับไปสู่ชนชาติของข้าพเจ้า มาเถิด ข้าพเจ้าจะสำแดงให้ท่านทราบว่า ชนชาตินี้จะกระทำประการใดแก่ชนชาติของท่านในวันข้างหน้า”
Numb ThaiKJV 24:15  เขาก็กล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรชายเบโอร์ คำพยากรณ์ของชายผู้ที่หูตาแจ้ง
Numb ThaiKJV 24:16  คำพยากรณ์ของผู้ที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้า และทราบถึงพระปัญญาของพระองค์ผู้สูงสุด ผู้เห็นนิมิตขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ได้ล้มลงจนเกิดความมึนงง แต่ตาไม่มีสิ่งใดบัง
Numb ThaiKJV 24:17  ข้าพเจ้าจะเห็นเขา แต่ไม่ใช่อย่างเดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าจะดูเขา แต่ไม่ใช่อย่างใกล้ๆนี้ ดาวดวงหนึ่งจะเดินออกมาจากยาโคบ และธารพระกรอันหนึ่งจะขึ้นมาจากอิสราเอล จะตีเขตแดนของโมอับและทำลายบรรดาลูกหลานของเสท
Numb ThaiKJV 24:18  ฝ่ายเอโดมจะตกเป็นของคนอื่น เสอีร์จะตกเป็นของศัตรูของเขาด้วย ฝ่ายอิสราเอลได้แสดงวีรกรรมแล้ว
Numb ThaiKJV 24:19  ผู้หนึ่งที่ออกมาจากยาโคบจะครอบครอง และชาวเมืองที่รอดตาย ผู้นั้นจะทำลายเสีย”
Numb ThaiKJV 24:20  แล้วบาลาอัมมองดูคนอามาเลข และกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “อามาเลขเป็นประชาชาติที่หนึ่ง แต่ในที่สุดจะถึงซึ่งการทำลายอันถาวร”
Numb ThaiKJV 24:21  และเขามองดูคนเคไนต์ และกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “ที่อาศัยของท่านเข้มแข็งมาก และรังของท่านก็วางอยู่ในศิลา
Numb ThaiKJV 24:22  แต่อย่างไรก็ตามคนเคไนต์ก็ต้องถูกกวาดล้าง อีกนานเท่าใดเล่า พวกอัสชูรจะมากวาดเจ้าไปเป็นเชลย”
Numb ThaiKJV 24:23  และบาลาอัมกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “อนิจจาเอ๋ย เมื่อพระเจ้าทรงกระทำเช่นนี้ใครจะมีชีวิตอยู่ได้
Numb ThaiKJV 24:24  แต่กำปั่นจะมาจากเขตแดนเมืองคิทธิมทำลายอัสชูรและเอเบอร์ และเขาจะถูกทำลายอันถาวรด้วย”
Numb ThaiKJV 24:25  แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นกลับไปที่อยู่ของเขา และบาลาคก็ไปตามทางของตนด้วย
Chapter 25
Numb ThaiKJV 25:1  เมื่ออิสราเอลพักอยู่ในเมืองชิทธิม ประชาชนก็ได้เริ่มเล่นชู้กับหญิงชาวโมอับ
Numb ThaiKJV 25:2  หญิงเหล่านี้ก็เชิญประชาชนให้ไปกระทำบูชาต่อพระของนาง ประชาชนก็รับประทานและกราบไหว้พระของนาง
Numb ThaiKJV 25:3  ดังนั้นอิสราเอลก็เข้าถือพระบาอัลเปโอร์ และพระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธต่ออิสราเอล
Numb ThaiKJV 25:4  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนำหัวหน้าทั้งหลายของประชาชนแขวนตากแดดไว้ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เพื่อว่าพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดของพระเยโฮวาห์จะหันเหไปจากอิสราเอลเสีย”
Numb ThaiKJV 25:5  และโมเสสบอกพวกผู้วินิจฉัยของอิสราเอลว่า “ท่านทุกคนจงฆ่าคนของท่านที่เข้าถือพระบาอัลเปโอร์เสีย”
Numb ThaiKJV 25:6  และดูเถิด มีชายอิสราเอลคนหนึ่งพาหญิงคนมีเดียนคนหนึ่งเข้ามาในหมู่พี่น้องของเขาต่อสายตาของโมเสส และท่ามกลางสายตาของชุมนุมชนทั้งหมดของคนอิสราเอล ซึ่งกำลังร้องไห้อยู่หน้าประตูพลับพลาแห่งที่ชุมนุม
Numb ThaiKJV 25:7  ครั้นฟีเนหัสบุตรชายเอเลอาซาร์ บุตรชายของอาโรนปุโรหิตเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นไปจากชุมนุมชน มือถือทวน
Numb ThaiKJV 25:8  ติดตามชายอิสราเอลคนนั้นเข้าไปในเต็นท์ และแทงทะลุเขาทั้งคู่ ทั้งชายอิสราเอลและหญิงคนนั้น ท้องของนางก็ทะลุ แล้วภัยพิบัติในคนอิสราเอลก็สงบ
Numb ThaiKJV 25:9  แต่อย่างไรก็ตาม คนที่ตายด้วยภัยพิบัติมีสองหมื่นสี่พันคน
Numb ThaiKJV 25:10  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 25:11  “ฟีเนหัส บุตรชายเอเลอาซาร์ บุตรชายอาโรนปุโรหิต ได้ยับยั้งความกริ้วของเราต่อคนอิสราเอล ในการที่เขามีความกระตือรือร้นเพราะเห็นแก่เราในท่ามกลางประชาชน ดังนั้นเราจึงมิได้เผาผลาญคนอิสราเอลเสียด้วยความหึงหวงของเรา
Numb ThaiKJV 25:12  ดังนั้นจงกล่าวว่า ‘ดูเถิด เราให้พันธสัญญาสันติสุขแก่เขา
Numb ThaiKJV 25:13  พันธสัญญานั้นจะเป็นของเขา และของเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขา เป็นพันธสัญญาแห่งตำแหน่งปุโรหิตอันถาวร เพราะเขามีความกระตือรือร้นเพื่อพระเจ้าของเขา และได้ทำการลบมลทินบาปคนอิสราเอล’”
Numb ThaiKJV 25:14  ชื่อของชายอิสราเอลคนที่ถูกฆ่าร่วมกับหญิงชาวมีเดียนคนนั้น ชื่อศิมรี บุตรชายของสาลู เจ้านายของครอบครัวสำคัญในตระกูลสิเมโอน
Numb ThaiKJV 25:15  และชื่อของหญิงชาวมีเดียนผู้ถูกฆ่า คือคสบี บุตรสาวของศูร์ ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลและครอบครัวสำคัญในมีเดียน
Numb ThaiKJV 25:16  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 25:17  “จงรบกวนคนมีเดียน และสู้รบกับเขา
Numb ThaiKJV 25:18  เพราะเขารบกวนเจ้าด้วยอุบาย ซึ่งเขาล่อเจ้าในเรื่องเปโอร์ และในเรื่องนางคสบี บุตรสาวเจ้านายแห่งมีเดียน ผู้เป็นน้องสาวของพวกเขา ผู้ที่ถูกฆ่าตายในวันที่บังเกิดภัยพิบัติด้วยเรื่องเปโอร์”
Chapter 26
Numb ThaiKJV 26:1  ต่อมาภายหลังภัยพิบัตินั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและเอเลอาซาร์บุตรชายอาโรนปุโรหิตว่า
Numb ThaiKJV 26:2  “จงทำสำมะโนครัวชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด อายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปตามเรือนบรรพบุรุษของเขาทั้งหมดในอิสราเอล ผู้ที่จะเข้าสงครามได้”
Numb ThaiKJV 26:3  โมเสสกับเอเลอาซาร์ปุโรหิต ปราศรัยกับเขาทั้งหลาย ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโคว่า
Numb ThaiKJV 26:4  “จงทำสำมะโนครัวประชาชน อายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป” ตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสและคนอิสราเอล ผู้ที่ออกจากแผ่นดินอียิปต์คือ
Numb ThaiKJV 26:5  รูเบน บุตรชายหัวปีของอิสราเอล บุตรของรูเบน คือฮาโนค คนครอบครัวฮาโนค ปัลลู คนครอบครัวปัลลู
Numb ThaiKJV 26:6  เฮสโรน คนครอบครัวเฮสโรน คารมี คนครอบครัวคารมี
Numb ThaiKJV 26:7  เหล่านี้เป็นครอบครัวของคนรูเบน มีจำนวนสี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
Numb ThaiKJV 26:8  และบุตรชายของปัลลู คือเอลีอับ
Numb ThaiKJV 26:9  บุตรชายของเอลีอับคือ เนมูเอล ดาธาน และอาบีรัม นี่คือดาธานและอาบีรัมที่เลือกจากชุมนุมชน เป็นผู้ขัดขวางโมเสสและอาโรนในพรรคพวกโคราห์ เมื่อเขาขัดขวางพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 26:10  และแผ่นธรณีได้อ้าปากออกกลืนเขาพร้อมกับโคราห์ เมื่อพรรคพวกนั้นถึงตาย เมื่อไฟเผาผลาญเสียสองร้อยห้าสิบคนและเขาทั้งหลายเป็นเรื่องเตือนใจ
Numb ThaiKJV 26:11  แต่บุตรของโคราห์นั้นหาได้ตายไม่
Numb ThaiKJV 26:12  บุตรชายของสิเมโอนตามครอบครัวของเขา คือเนมูเอล คนครอบครัวเนมูเอล ยามีน คนครอบครัวยามีน ยาคีน คนครอบครัวยาคีน
Numb ThaiKJV 26:13  เศ-ราห์ คนครอบครัวเศ-ราห์ ชาอูล คนครอบครัวชาอูล
Numb ThaiKJV 26:14  เหล่านี้เป็นครอบครัวของคนสิเมโอน มีจำนวนสองหมื่นสองพันสองร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:15  บุตรของกาด ตามครอบครัวของเขา คือเศโฟน คนครอบครัวเศโฟน ฮักกี คนครอบครัวฮักกี ชูนี คนครอบครัวชูนี
Numb ThaiKJV 26:16  โอสนี คนครอบครัวโอสนี เอรี คนครอบครัวเอรี
Numb ThaiKJV 26:17  อาโรด คนครอบครัวอาโรด อาเรลี คนครอบครัวอาเรลี
Numb ThaiKJV 26:18  เหล่านี้เป็นครอบครัวของบุตรของกาด ตามจำนวนของเขามีสี่หมื่นห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:19  บุตรชายของยูดาห์คือ เอร์และโอนัน เอร์กับโอนันตายเสียในแผ่นดินคานาอัน
Numb ThaiKJV 26:20  และบุตรชายของยูดาห์ตามครอบครัวของเขา คือเช-ลาห์ คนครอบครัวเช-ลาห์ เปเรศ คนครอบครัวเปเรศ เศ-ราห์ คนครอบครัวเศ-ราห์
Numb ThaiKJV 26:21  และบุตรชายของเปเรศคือ เฮสโรน คนครอบครัวเฮสโรน ฮามูล คนครอบครัวฮามูล
Numb ThaiKJV 26:22  เหล่านี้เป็นครอบครัวของยูดาห์ ตามจำนวนของเขามีเจ็ดหมื่นหกพันห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:23  บุตรชายของอิสสาคาร์ตามครอบครัวของเขา คือโทลา คนครอบครัวโทลา ปูวาห์ คนครอบครัวปูวาห์
Numb ThaiKJV 26:24  ยาชูบ คนครอบครัวยาชูบ ชิมโรน คนครอบครัวชิมโรน
Numb ThaiKJV 26:25  เหล่านี้เป็นครอบครัวของอิสสาคาร์ ตามจำนวนของเขามีหกหมื่นสี่พันสามร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:26  บุตรชายของเศบูลุนตามครอบครัวของเขา คือเสเรด คนครอบครัวเสเรด เอโลน คนครอบครัวเอโลน ยาเลเอล คนครอบครัวยาเลเอล
Numb ThaiKJV 26:27  เหล่านี้เป็นครอบครัวของคนเศบูลุน ตามจำนวนของเขามีหกหมื่นห้าร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:28  บุตรชายของโยเซฟตามครอบครัวของเขา คือมนัสเสห์และเอฟราอิม
Numb ThaiKJV 26:29  บุตรชายของมนัสเสห์ คือมาคีร์ คนครอบครัวมาคีร์ มาคีร์ให้กำเนิดบุตรชื่อกิเลอาด กิเลอาด คนครอบครัวกิเลอาด
Numb ThaiKJV 26:30  บุตรชายของกิเลอาด คืออีเยเซอร์ คนครอบครัวอีเยเซอร์ เฮเลค คนครอบครัวเฮเลค
Numb ThaiKJV 26:31  และอัสรีเอล คนครอบครัวอัสรีเอล เชเคม คนครอบครัวเชเคม
Numb ThaiKJV 26:32  และเชมิดา คนครอบครัวเชมิดา เฮเฟอร์ คนครอบครัวเฮเฟอร์
Numb ThaiKJV 26:33  ส่วนเศโลเฟหัดบุตรชายเฮเฟอร์ไม่มีบุตรชายมีแต่บุตรสาว ชื่อบุตรสาวของเศโลเฟหัดคือ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์และทีรซาห์
Numb ThaiKJV 26:34  เหล่านี้เป็นครอบครัวของมนัสเสห์ และจำนวนของเขามีห้าหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:35  ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของเอฟราอิมตามครอบครัวของเขาคือ ชูเธลาห์ คนครอบครัวชูเธลาห์ เบเคอร์ คนครอบครัวเบเคอร์ ทาหาน คนครอบครัวทาหาน
Numb ThaiKJV 26:36  บุตรชายของชูเธลาห์คือ เอราน คนครอบครัวเอราน
Numb ThaiKJV 26:37  เหล่านี้เป็นครอบครัวของบุตรชายเอฟราอิม ตามจำนวนของเขา มีสามหมื่นสองพันห้าร้อยคน เหล่านี้เป็นบุตรชายของโยเซฟตามครอบครัวของเขา
Numb ThaiKJV 26:38  บุตรชายของเบนยามินตามครอบครัวของเขา คือ เบลา คนครอบครัวเบลา อัชเบล คนครอบครัวอัชเบล อาหิรัม คนครอบครัวอาหิรัม
Numb ThaiKJV 26:39  ชูฟาม คนครอบครัวชูฟาม หุฟาม คนครอบครัวหุฟาม
Numb ThaiKJV 26:40  และบุตรชายของเบลา คืออาร์ดและนาอามาน อาร์ด คนครอบครัวอาร์ด นาอามาน คนครอบครัวนาอามาน
Numb ThaiKJV 26:41  เหล่านี้เป็นบุตรชายของเบนยามินตามครอบครัวของเขา และจำนวนของเขาเป็นสี่หมื่นห้าพันหกร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:42  ต่อไปนี้เป็นบุตรชายของดานตามครอบครัวของเขา คือชูฮัม คนครอบครัวชูฮัม นี่เป็นครอบครัวของดานตามครอบครัวของเขา
Numb ThaiKJV 26:43  ครอบครัวทั้งหมดของคนชูฮัมตามจำนวนของเขา มีหกหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:44  บุตรของอาเชอร์ตามครอบครัวของเขา คืออิมนาห์ คนครอบครัวอิมนาห์ อิชวี คนครอบครัวอิชวี เบรียาห์ คนครอบครัวเบรียาห์
Numb ThaiKJV 26:45  บุตรชายของเบรียาห์คือ เฮเบอร์ คนครอบครัวเฮเบอร์ มัลคีเอล คนครอบครัวมัลคีเอล
Numb ThaiKJV 26:46  บุตรสาวของอาเชอร์ คือเสราห์
Numb ThaiKJV 26:47  เหล่านี้เป็นครอบครัวของบุตรชายอาเชอร์ตามจำนวนของเขา มีห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:48  บุตรชายของนัฟทาลีตามครอบครัวของเขา คือยาเซเอล คนครอบครัวยาเซเอล กูนี คนครอบครัวกูนี
Numb ThaiKJV 26:49  เยเซอร์ คนครอบครัวเยเซอร์ ชิลเลม คนครอบครัวชิลเลม
Numb ThaiKJV 26:50  เหล่านี้เป็นครอบครัวของนัฟทาลีตามครอบครัวของเขา และตามจำนวนของเขามีสี่หมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
Numb ThaiKJV 26:51  จำนวนคนอิสราเอล มีหกแสนหนึ่งพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
Numb ThaiKJV 26:52  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 26:53  “ให้แบ่งแผ่นดินนั้นเป็นมรดกแก่คนเหล่านี้ตามจำนวนรายชื่อ
Numb ThaiKJV 26:54  มรดกส่วนใหญ่ก็ให้แบ่งแก่คนตระกูลใหญ่ และมรดกส่วนน้อยก็ให้แบ่งแก่คนตระกูลย่อม ทุกตระกูลจะได้รับส่วนมรดกตามจำนวนคน
Numb ThaiKJV 26:55  แต่ให้จับฉลากแบ่งแผ่นดินนั้น ให้เขาได้รับมรดกตามรายชื่อตระกูลของบรรพบุรุษของเขา
Numb ThaiKJV 26:56  ให้จับฉลากแบ่งมรดกของเขานั้นตามส่วนตระกูลใหญ่และตระกูลย่อม”
Numb ThaiKJV 26:57  ต่อไปนี้เป็นคนเลวีที่นับตามครอบครัวของเขา คือเกอร์โชน คนครอบครัวเกอร์โชน โคฮาท คนครอบครัวโคฮาท เมรารี คนครอบครัวเมรารี
Numb ThaiKJV 26:58  ต่อไปนี้เป็นครอบครัวของเลวี คือคนครอบครัวลิบนี คนครอบครัวเฮโบรน คนครอบครัวมาห์ลี คนครอบครัวมูชี คนครอบครัวโคราห์ และโคฮาทให้กำเนิดบุตรชื่ออัมราม
Numb ThaiKJV 26:59  ภรรยาของอัมรามคือโยเคเบดบุตรสาวของเลวีเกิดแก่เลวีที่อียิปต์ และนางคลอดบุตรให้อัมรามชื่อ อาโรนและโมเสส และมิเรียมพี่สาวของเขาทั้งสอง
Numb ThaiKJV 26:60  และอาโรนให้กำเนิดบุตรชื่อนาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์
Numb ThaiKJV 26:61  แต่นาดับและอาบีฮูนั้นได้เสียชีวิต เมื่อเขาบูชาด้วยไฟที่ผิดรูปแบบต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 26:62  และจำนวนของเขาเป็นสองหมื่นสามพันคน เป็นผู้ชายทุกคนอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป เพราะเขามิได้นับรวมไว้ในคนอิสราเอล เพราะไม่มีมรดกให้แก่เขาท่ามกลางคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 26:63  จำนวนคนเหล่านี้โมเสสและเอเลอาซาร์ปุโรหิตได้นับไว้ ครั้งเมื่อนับคนอิสราเอล ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค
Numb ThaiKJV 26:64  แต่ตามรายชื่อเหล่านี้ไม่มีชายสักคนหนึ่งซึ่งโมเสสและอาโรนปุโรหิตได้นับไว้ครั้งเมื่อนับคนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารซีนาย
Numb ThaiKJV 26:65  เพราะพระเยโฮวาห์ตรัสเรื่องเขาเหล่านั้นว่า “เขาจะต้องตายแน่ในถิ่นทุรกันดาร” ไม่มีชายสักคนหนึ่งเหลืออยู่นอกจากคาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์และโยชูวาบุตรชายนูน
Chapter 27
Numb ThaiKJV 27:1  ครั้งนั้นบุตรสาวทั้งหลายของเศโลเฟหัดบุตรชายของเฮเฟอร์ ผู้เป็นบุตรชายของกิเลอาด ผู้เป็นบุตรชายของมาคีร์ ผู้เป็นบุตรชายของมนัสเสห์ จากครอบครัวต่างๆของมนัสเสห์บุตรชายของโยเซฟเข้ามาใกล้ ชื่อบุตรสาวทั้งหลายของเขาคือ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์
Numb ThaiKJV 27:2  และเขาทั้งหลายมายืนอยู่ต่อหน้าโมเสสและต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิต และต่อหน้าประมุข และต่อหน้าบรรดาชุมนุมชนที่ประตูพลับพลาแห่งชุมนุม กล่าวว่า
Numb ThaiKJV 27:3  “บิดาของเราตายเสียในถิ่นทุรกันดาร ท่านมิได้อยู่ในพวกที่ส้องสุมกันต่อสู้พระเยโฮวาห์ในพรรคพวกโคราห์ แต่ท่านเสียชีวิตเพราะบาปของตน และท่านไม่มีบุตรชายเลย
Numb ThaiKJV 27:4  เหตุใดจึงลบชื่อบิดาของเราจากครอบครัวของท่าน เพราะเหตุที่ท่านไม่มีบุตรชายเลย ขอให้เรามีกรรมสิทธิ์ที่ดินท่ามกลางพี่น้องบิดาของเราด้วย”
Numb ThaiKJV 27:5  โมเสสได้นำเรื่องของเขากราบทูลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 27:6  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 27:7  “บุตรสาวของเศโลเฟหัดพูดถูกต้องแล้ว เจ้าจงให้กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นมรดกท่ามกลางพี่น้องบิดาของเขา และกระทำให้มรดกบิดาของเขาตกทอดมาถึงเขา
Numb ThaiKJV 27:8  เจ้าจงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ‘ถ้าผู้ชายคนหนึ่งตายและไม่มีบุตรชาย เจ้าจงให้มรดกของเขาตกไปยังบุตรสาวของเขา
Numb ThaiKJV 27:9  และถ้าเขาไม่มีบุตรสาว เจ้าจงให้มรดกของเขาแก่พี่น้องของเขา
Numb ThaiKJV 27:10  และถ้าเขาไม่มีพี่น้อง เจ้าจงให้มรดกของเขาแก่พี่น้องบิดาของเขา
Numb ThaiKJV 27:11  และถ้าบิดาของเขาไม่มีพี่น้อง เจ้าจงให้มรดกของเขาแก่ญาติถัดตัวเขาไปในครอบครัวของเขา ให้ผู้นั้นถือกรรมสิทธิ์ได้ ให้เป็นกฎเกณฑ์แห่งคำตัดสินแก่ประชาชนอิสราเอล ดังที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้’”
Numb ThaiKJV 27:12  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมนี้ และมองดูแผ่นดินซึ่งเรามอบให้แก่คนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 27:13  และเมื่อเจ้าได้เห็นแล้ว เจ้าจะถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเจ้า อย่างอาโรนพี่ชายของเจ้าได้ถูกรวบไปนั้น
Numb ThaiKJV 27:14  เพราะว่าเจ้าทั้งสองกบฏต่อบัญชาของเราในถิ่นทุรกันดารศินระหว่างที่ชุมนุมชนได้โต้แย้งขึ้น เจ้ามิได้นับถือเราต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลายที่น้ำนั้น” นี่คือน้ำเมรีบาห์แห่งคาเดชในถิ่นทุรกันดารศิน
Numb ThaiKJV 27:15  โมเสสกราบทูลพระเยโฮวาห์ว่า
Numb ThaiKJV 27:16  “ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ทั้งปวงทรงแต่งตั้งชายผู้หนึ่งไว้เหนือชุมนุมชนนี้
Numb ThaiKJV 27:17  ผู้ซึ่งจะเข้านอกออกในต่อหน้าเขา ผู้ซึ่งจะนำเขาเข้าออก เพื่อว่าชุมนุมชนของพระเยโฮวาห์จะมิได้เหมือนกับฝูงแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง”
Numb ThaiKJV 27:18  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนำโยชูวาบุตรชายนูนผู้มีพระวิญญาณอยู่ภายในเขามา จงเอามือของเจ้าวางบนเขา
Numb ThaiKJV 27:19  ตั้งเขาไว้ต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิตและต่อหน้าชุมนุมชนทั้งหมด และเจ้าจงกำชับเขาท่ามกลางสายตาของชุมนุมชน
Numb ThaiKJV 27:20  เจ้าจงให้เกียรติยศอย่างของเจ้าแก่เขาบ้าง เพื่อให้ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดเชื่อฟังเขา
Numb ThaiKJV 27:21  และเขาจะยืนอยู่ต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิต ผู้ซึ่งจะทูลถามเพื่อเขาตามหลักตัดสินของอูริมต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และคนทั้งปวงจะออกไปและเข้ามาตามคำของปุโรหิต ทั้งเขากับคนทั้งปวงในอิสราเอลนั้นคือชุมนุมชนทั้งหมด”
Numb ThaiKJV 27:22  และโมเสสกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาท่าน ท่านจึงนำโยชูวาให้มายืนต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิต และต่อหน้าชุมนุมชนทั้งหมด
Numb ThaiKJV 27:23  และท่านเอามือวางบนโยชูวา และกำชับเขา ตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสสั่งทางโมเสส
Chapter 28
Numb ThaiKJV 28:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 28:2  “จงบัญชาคนอิสราเอลและกล่าวแก่เขาว่า ของบูชาของเรา อาหารของเราซึ่งเป็นของบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัย เจ้าทั้งหลายจงเอาใจใส่ที่จะถวายบูชาแก่เราตามกาลกำหนด
Numb ThaiKJV 28:3  และเจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า นี่เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟซึ่งเจ้าทั้งหลายควรถวายแด่พระเยโฮวาห์ คือลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิสองตัว เป็นเครื่องบูชาเนืองนิตย์ทุกวัน
Numb ThaiKJV 28:4  เจ้าจงถวายลูกแกะเป็นเครื่องบูชาในตอนเช้าตัวหนึ่ง และลูกแกะอีกตัวหนึ่งนั้นเจ้าจงถวายบูชาเวลาเย็น
Numb ThaiKJV 28:5  และยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์เป็นธัญญบูชา คลุกกับน้ำมันสกัดหนึ่งในสี่ฮิน
Numb ThaiKJV 28:6  เป็นเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งได้บัญชาตั้งไว้ที่ภูเขาซีนายเป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 28:7  ส่วนเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้นให้ถวายหนึ่งในสี่ฮินกับแกะตัวหนึ่ง ในที่บริสุทธิ์เจ้าจงเทเครื่องดื่มบูชาซึ่งเป็นเหล้าองุ่นถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 28:8  ลูกแกะอีกตัวหนึ่งเจ้าจงถวายบูชาเวลาเย็น เจ้าจงถวายบูชาด้วยไฟเช่นเดียวกับธัญญบูชาของเวลาเช้า และเช่นเดียวกับเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน เป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 28:9  ในวันสะบาโตลูกแกะอายุหนึ่งขวบสองตัวที่ไม่มีตำหนิ และยอดแป้งสองในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันให้เป็นธัญญบูชา และเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 28:10  นี่เป็นเครื่องเผาบูชาทุกวันสะบาโตนอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์และเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 28:11  เวลาต้นเดือนทุกเดือน เจ้าทั้งหลายจงถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ คือวัวหนุ่มสองตัว แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะหนึ่งขวบไม่มีตำหนิเจ็ดตัว
Numb ThaiKJV 28:12  สำหรับวัวตัวหนึ่งจงเอายอดแป้งสามในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันสำหรับเป็นธัญญบูชา และสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งนั้นจงเอายอดแป้งสองในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันเป็นธัญญบูชา
Numb ThaiKJV 28:13  สำหรับลูกแกะทุกตัวจงเอายอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุกกับน้ำมันเป็นธัญญบูชา ให้เป็นเครื่องเผาบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 28:14  ส่วนเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัวผู้ตัวหนึ่งจงเอาน้ำองุ่นครึ่งฮิน สำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งจงเอาหนึ่งในสามฮิน สำหรับลูกแกะตัวหนึ่งจงเอาหนึ่งในสี่ฮิน นี่เป็นเครื่องเผาบูชาประจำเดือน ทุกเดือนตลอดปี
Numb ThaiKJV 28:15  และเอาลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปถวายแด่พระเยโฮวาห์ ให้นำมาบูชานอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์และเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 28:16  เดือนที่หนึ่งวันที่สิบสี่เป็นปัสกาของพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 28:17  และวันที่สิบห้าของเดือนนี้เป็นวันการเลี้ยง จงรับประทานขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวัน
Numb ThaiKJV 28:18  ในวันต้นให้มีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำงานหนักในวันนั้น
Numb ThaiKJV 28:19  แต่จงถวายบูชาด้วยไฟ เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ คือเอาวัวหนุ่มสองตัว แกะผู้ตัวหนึ่ง และลูกแกะอายุหนึ่งขวบเจ็ดตัว ดูให้ดีว่าไม่มีตำหนิ
Numb ThaiKJV 28:20  และเอายอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบูชาของสัตว์เหล่านี้ สำหรับวัวผู้ตัวหนึ่งเจ้าจงถวายสามในสิบเอฟาห์ และสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งสองในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 28:21  สำหรับลูกแกะตัวหนึ่งๆในลูกแกะเจ็ดตัวนั้น จงเอาแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 28:22  และเอาแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อทำการลบมลทินบาปของเจ้า
Numb ThaiKJV 28:23  เจ้าจงถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาตอนเช้า ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเนืองนิตย์นั้น
Numb ThaiKJV 28:24  ในทำนองเดียวกัน เจ้าจงถวายเครื่องบูชาทุกวันตลอดทั้งเจ็ดวัน คือถวายอาหารเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ จงถวายบูชานอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ และเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 28:25  และในวันที่เจ็ดพวกเจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนักในวันนั้น
Numb ThaiKJV 28:26  ในวันถวายผลรุ่นแรก เมื่อเจ้าเอาข้าวใหม่มาเป็นธัญญบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ในเทศกาลสัปดาห์นั้น เจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนักในวันนั้น
Numb ThaiKJV 28:27  แต่จงถวายเครื่องเผาบูชาให้เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ คือถวายวัวหนุ่มสองตัว แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบเจ็ดตัว
Numb ThaiKJV 28:28  และถวายยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบูชา คือสำหรับวัวตัวหนึ่งถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้หนึ่งตัวนั้นสองในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 28:29  สำหรับลูกแกะเจ็ดตัว ตัวละหนึ่งในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 28:30  พร้อมกับลูกแพะผู้ตัวหนึ่งสำหรับลบมลทินของเจ้า
Numb ThaiKJV 28:31  นอกจากเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์และธัญญบูชาคู่กันนั้น เจ้าจงถวายเครื่องบูชาเหล่านี้และเครื่องดื่มบูชาคู่กันด้วย (ดูให้ดีว่าให้ปราศจากตำหนิ)”
Chapter 29
Numb ThaiKJV 29:1  “ในวันที่หนึ่งเดือนที่เจ็ดเจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนัก เป็นวันให้เจ้าทั้งหลายเป่าแตร
Numb ThaiKJV 29:2  เจ้าจงถวายเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ คือถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิเจ็ดตัว
Numb ThaiKJV 29:3  และถวายยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบูชา คือสำหรับวัวผู้นั้นจงถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้ตัวนั้นสองในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 29:4  ลูกแกะเจ็ดตัว ตัวละหนึ่งในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 29:5  และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป เพื่อลบมลทินบาปของเจ้า
Numb ThaiKJV 29:6  นอกเหนือเครื่องเผาบูชาในแต่ละเดือนและธัญญบูชาคู่กันและเครื่องเผาบูชาประจำวันคู่กับธัญญบูชา และเครื่องดื่มบูชาคู่กัน ตามลักษณะเครื่องบูชาเหล่านี้ เป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 29:7  ในวันที่สิบเดือนที่เจ็ดนี้ เจ้าทั้งหลายจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าต้องถ่อมใจลง อย่าทำการงานสิ่งใด
Numb ThaiKJV 29:8  แต่เจ้าจงถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัย คือถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบเจ็ดตัว เจ้าอย่าให้มีตำหนิ
Numb ThaiKJV 29:9  และยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบูชา สำหรับวัวตัวนั้นถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งนั้นสองในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 29:10  สำหรับลูกแกะเจ็ดตัวนั้น ตัวละหนึ่งในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 29:11  และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องบูชาไถ่บาปลบมลทินและเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ซึ่งคู่กับธัญญบูชา และเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:12  ในวันที่สิบห้าเดือนที่เจ็ดเจ้าทั้งหลายจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนัก และเจ้าจงมีการเลี้ยงเจ็ดวันแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 29:13  เจ้าจงถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ คือวัวหนุ่มสิบสามตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุหนึ่งขวบสิบสี่ตัว สัตว์เหล่านี้อย่าให้มีตำหนิ
Numb ThaiKJV 29:14  และถวายยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบูชาคู่กัน สำหรับวัวสิบสามตัว ตัวหนึ่งถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้สองตัว ตัวละสองในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 29:15  สำหรับลูกแกะสิบสี่ตัว ตัวละหนึ่งในสิบเอฟาห์
Numb ThaiKJV 29:16  และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:17  ในวันที่สองจงถวายวัวหนุ่มสิบสองตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิสิบสี่ตัว
Numb ThaiKJV 29:18  กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้นสำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้นตามจำนวนตามลักษณะ
Numb ThaiKJV 29:19  และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:20  ในวันที่สามจงถวายวัวสิบเอ็ดตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิสิบสี่ตัว
Numb ThaiKJV 29:21  กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ
Numb ThaiKJV 29:22  และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:23  ในวันที่สี่จงถวายวัวสิบตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิสิบสี่ตัว
Numb ThaiKJV 29:24  กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ
Numb ThaiKJV 29:25  และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:26  ในวันที่ห้าจงถวายวัวเก้าตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิสิบสี่ตัว
Numb ThaiKJV 29:27  กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ
Numb ThaiKJV 29:28  และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:29  ในวันที่หกจงถวายวัวแปดตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิสิบสี่ตัว
Numb ThaiKJV 29:30  กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ
Numb ThaiKJV 29:31  และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:32  ในวันที่เจ็ดเจ้าจงถวายวัวเจ็ดตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิสิบสี่ตัว
Numb ThaiKJV 29:33  กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ
Numb ThaiKJV 29:34  และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:35  ในวันที่แปดเจ้าจงมีการประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนัก
Numb ThaiKJV 29:36  แต่เจ้าจงถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ คือวัวผู้ตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิเจ็ดตัว
Numb ThaiKJV 29:37  และถวายธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ
Numb ThaiKJV 29:38  และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน
Numb ThaiKJV 29:39  สิ่งเหล่านี้เจ้าทั้งหลายจงถวายแด่พระเยโฮวาห์ตามเทศกาลกำหนดของเจ้า เพิ่มเข้ากับการถวายตามคำปฏิญาณของเจ้า และการถวายด้วยใจสมัครของเจ้า เป็นเครื่องเผาบูชาของเจ้า เครื่องธัญญบูชาของเจ้า เครื่องดื่มบูชาของเจ้า และเครื่องสันติบูชาของเจ้า”
Numb ThaiKJV 29:40  และโมเสสได้บอกคนอิสราเอลตามที่พระเยโฮวาห์ได้ทรงบัญชาท่านไว้ทุกประการ
Chapter 30
Numb ThaiKJV 30:1  โมเสสได้พูดกับหัวหน้าตระกูลเกี่ยวกับคนอิสราเอลว่า “นี่เป็นสิ่งที่พระเยโฮวาห์ได้ทรงบัญชา
Numb ThaiKJV 30:2  เมื่อชายผู้ใดปฏิญาณไว้กับพระเยโฮวาห์ หรือให้สัตย์สาบานผูกมัดตัวไว้ด้วยคำสัญญาอย่างหนึ่งอย่างใด อย่าให้เขาเสียวาจา เขาต้องกระทำตามคำที่ออกจากปากของเขาทั้งสิ้น
Numb ThaiKJV 30:3  หรือเมื่อสตรีคนหนึ่งคนใดปฏิญาณไว้แด่พระเยโฮวาห์ และผูกมัดตัวเองไว้ด้วยคำสัญญา เมื่อเธอยังสาวอยู่ในเรือนของบิดา
Numb ThaiKJV 30:4  และบิดาของเธอได้ยินคำที่เธอปฏิญาณไว้และคำสัญญาที่เธอผูกมัดตัวเอง แต่มิได้พูดอะไรกับเธอ ก็ให้คำที่ปฏิญาณไว้นั้นทั้งสิ้นคงอยู่ และให้คำสัญญาที่ผูกมัดเธอไว้นั้นทุกอย่างคงอยู่
Numb ThaiKJV 30:5  แต่ถ้าบิดาของเธอคัดค้านในวันที่เขาได้ยินนั้น การที่เธอปฏิญาณไว้ก็ดี คำสัญญาที่ผูกมัดเธอไว้ก็ดี ย่อมไม่คงอยู่ และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้แก่เธอ เพราะบิดาของเธอได้คัดค้านเธอไว้
Numb ThaiKJV 30:6  และถ้านางแต่งงานมีสามีแล้ว สิ่งที่นางปฏิญาณไว้หรือกล่าวด้วยริมฝีปากที่ไม่ทันคิดซึ่งผูกมัดนาง
Numb ThaiKJV 30:7  ฝ่ายสามีก็ได้ยินแล้ว และในวันที่ได้ยินเขาก็มิได้พูดอะไรกับนาง สิ่งที่นางปฏิญาณไว้นั้นและคำสัญญาที่ผูกมัดนางย่อมคงอยู่ด้วย
Numb ThaiKJV 30:8  แต่ถ้าในวันนั้นที่สามีมาได้ยินนางและเขาคัดค้าน ก็ทำให้คำที่นางปฏิญาณไว้นั้นเป็นโมฆะ ทั้งคำกล่าวด้วยริมฝีปากที่ไม่ทันคิดของนาง ซึ่งผูกมัดนางนั้นก็เป็นโมฆะด้วย และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้แก่นาง
Numb ThaiKJV 30:9  แต่คำปฏิญาณที่หญิงม่ายหรือแม่ร้างกระทำไว้หรือคำใดที่นางพูดผูกมัดตนเอง คำพูดนั้นย่อมคงอยู่
Numb ThaiKJV 30:10  และถ้านางปฏิญาณไว้ในบ้านสามีของนาง หรือให้สัญญาด้วยสัตย์สาบานผูกมัดตนเองไว้
Numb ThaiKJV 30:11  และสามีของนางได้ยินแล้ว แต่ไม่ว่าอะไรแก่นาง และไม่คัดค้านนาง คำปฏิญาณของนางทั้งสิ้นย่อมคงอยู่ และคำสัญญาทุกอย่างซึ่งนางผูกมัดตัวเองย่อมคงอยู่
Numb ThaiKJV 30:12  แต่ถ้าสามีของนางได้กระทำให้ไม่คงอยู่หรือเป็นโมฆะในวันที่เขาได้ยินแล้ว สิ่งใดที่ออกจากริมฝีปากของนางเกี่ยวด้วยคำปฏิญาณหรือเกี่ยวด้วยคำสัญญาของนางย่อมไม่คงอยู่ สามีของนางได้กระทำให้เป็นโมฆะ และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้แก่นาง
Numb ThaiKJV 30:13  คำปฏิญาณหรือคำสัตย์สาบานผูกมัดทั้งสิ้นที่ทำให้นางถ่อมใจ สามีของนางย่อมให้คงอยู่หรือให้เป็นโมฆะได้
Numb ThaiKJV 30:14  แต่ถ้าสามีของนางไม่กล่าวสิ่งใดแก่นางวันแล้ววันเล่า เขาย่อมกระทำให้คำปฏิญาณและคำสัญญาทั้งสิ้นของนาง ซึ่งจะตกแก่นางให้คงอยู่ เพราะเขาไม่พูดสิ่งใดในวันที่เขาได้ยิน เขาจึงกระทำให้คงอยู่
Numb ThaiKJV 30:15  แต่ถ้าภายหลังที่เขาได้ยินแล้วมากระทำให้ไม่คงอยู่หรือเป็นโมฆะ เขาย่อมต้องรับโทษความชั่วช้าของนาง”
Numb ThaiKJV 30:16  ข้อความเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ เป็นเรื่องระหว่างชายกับภรรยาของเขา เรื่องระหว่างบิดากับบุตรสาว ขณะเมื่อเธอยังสาวอยู่ ยังอยู่ในเรือนบิดาของเธอ
Chapter 31
Numb ThaiKJV 31:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 31:2  “จงแก้แค้นคนมีเดียนเพื่อคนอิสราเอล แล้วภายหลังเจ้าจะถูกรวบให้ไปอยู่กับประชาชนของเจ้า”
Numb ThaiKJV 31:3  และโมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “จงเตรียมคนบางคนในพวกเจ้าให้พร้อมด้วยอาวุธเพื่อทำสงคราม แล้วยกไปสู้พวกมีเดียนเพื่อกระทำการแก้แค้นของพระเยโฮวาห์ต่อคนมีเดียน
Numb ThaiKJV 31:4  เจ้าจงส่งคนจากตระกูลอิสราเอลทั้งหมดตระกูลละพันคนเข้าทำสงคราม”
Numb ThaiKJV 31:5  ดังนั้นเขาจึงจัดคนจากอิสราเอลที่นับเป็นพันๆนั้นตระกูลละพันคน เป็นคนหมื่นสองพันพร้อมสรรพด้วยอาวุธเพื่อเข้าสงคราม
Numb ThaiKJV 31:6  และโมเสสส่งคนตระกูลละพันคนออกไปทำสงคราม ทั้งคนเหล่านั้นกับฟีเนหัสบุตรชายเอเลอาซาร์ปุโรหิตไปทำสงคราม พร้อมกับเครื่องใช้อันบริสุทธิ์ และมีแตรปลุกอยู่ในมือ
Numb ThaiKJV 31:7  เขาทำสงครามต่อสู้คนมีเดียนดังที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสและได้ฆ่าผู้ชายเสียทุกคน
Numb ThaiKJV 31:8  เขาได้ประหารชีวิตบรรดากษัตริย์คนมีเดียนพร้อมกับคนอื่นที่เขาฆ่าเสีย มีเอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์ และเรบา กษัตริย์ทั้งห้าแห่งคนมีเดียน และได้ประหารชีวิตบาลาอัมบุตรชายเบโอร์เสียด้วยดาบ
Numb ThaiKJV 31:9  และคนอิสราเอลได้จับสตรีชาวมีเดียนทั้งหมดมาเป็นเชลย พร้อมกับพวกเด็กเล็กทั้งหลาย และกวาดเอาฝูงวัวฝูงแพะแกะและข้าวของทั้งปวงไปสิ้น เป็นทรัพย์ที่ปล้นได้
Numb ThaiKJV 31:10  และเอาไฟเผาบรรดาเมืองที่อาศัยของเขา และเผาค่ายทั้งสิ้นของเขาเสียด้วย
Numb ThaiKJV 31:11  แล้วเก็บบรรดาของที่ริบได้และทรัพย์ที่ปล้นได้ทั้งคนและสัตว์ไปเสียสิ้น
Numb ThaiKJV 31:12  แล้วเขานำเชลยและทรัพย์สินที่ปล้นได้กับของที่ริบได้ทั้งหมดมายังโมเสส และเอเลอาซาร์ปุโรหิต และชุมนุมชนอิสราเอลที่ค่าย ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค
Numb ThaiKJV 31:13  โมเสสและเอเลอาซาร์ปุโรหิตและบรรดาประมุขแห่งชุมนุมชนออกไปต้อนรับเขานอกค่าย
Numb ThaiKJV 31:14  และโมเสสโกรธพวกนายทหาร คือนายพันและนายร้อยผู้กลับจากการทำสงคราม
Numb ThaiKJV 31:15  โมเสสพูดกับเขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายได้ไว้ชีวิตพวกผู้หญิงทั้งหมดหรือ
Numb ThaiKJV 31:16  ดูเถิด โดยคำปรึกษาของบาลาอัม หญิงเหล่านี้ได้กระทำให้คนอิสราเอลหลงกระทำการละเมิดต่อพระเยโฮวาห์ในเรื่องเปโอร์ และภัยพิบัติจึงได้เกิดขึ้นท่ามกลางชุมนุมชนของพระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 31:17  ฉะนั้นบัดนี้จงประหารชีวิตเด็กผู้ชายเสียทุกคน และประหารชีวิตผู้หญิงซึ่งได้เคยนอนร่วมกับชายเสียทุกคน
Numb ThaiKJV 31:18  แต่จงไว้ชีวิตเด็กผู้หญิงที่ยังไม่เคยนอนร่วมกับชายไว้สำหรับท่านทั้งหลายเอง
Numb ThaiKJV 31:19  จงอยู่ภายนอกค่ายเจ็ดวัน ท่านผู้ใดที่ได้ฆ่าคน และท่านผู้ใดที่ได้แตะต้องผู้ที่ถูกฆ่า จงชำระตัวและเชลยของตัวในวันที่สามและวันที่เจ็ด
Numb ThaiKJV 31:20  ท่านต้องชำระเครื่องแต่งกายทุกชิ้น เครื่องหนังสัตว์ทุกชิ้น และเครื่องขนแพะทั้งหมดและเครื่องที่ทำด้วยไม้ทุกชิ้น”
Numb ThaiKJV 31:21  และเอเลอาซาร์ปุโรหิตได้กล่าวแก่ทหารผู้ออกไปทำสงครามว่า “นี่เป็นกฎพระราชบัญญัติซึ่งพระเยโฮวาห์ได้บัญชาโมเสส
Numb ThaiKJV 31:22  เฉพาะทองคำ เงิน ทองเหลือง เหล็ก ดีบุก และตะกั่ว
Numb ThaiKJV 31:23  ทุกสิ่งที่ทนไฟได้ เจ้าทั้งหลายจงลนเสียด้วยไฟ แล้วจะสะอาด ถึงอย่างไรก็จะต้องชำระล้างให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำแห่งการแยกตั้งไว้ และทุกสิ่งที่ทนไฟไม่ได้ท่านต้องให้ผ่านน้ำนั้น
Numb ThaiKJV 31:24  ท่านต้องซักเสื้อผ้าของท่านในวันที่เจ็ด และท่านจะสะอาด ภายหลังท่านจึงจะเข้ามาในค่ายได้”
Numb ThaiKJV 31:25  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 31:26  “เจ้าและเอเลอาซาร์ปุโรหิตกับบรรดาหัวหน้าของชุมนุมชน จงนับสิ่งของที่ได้มาทั้งคนและสัตว์
Numb ThaiKJV 31:27  และแบ่งสิ่งของเหล่านั้นออกเป็นสองส่วน ให้ทหารผู้ออกไปทำสงครามส่วนหนึ่ง และให้บรรดาชุมนุมชนนี้อีกส่วนหนึ่ง
Numb ThaiKJV 31:28  และจงชักส่วนหนึ่งจากทหารที่ออกไปทำสงครามเป็นของถวายแด่พระเยโฮวาห์ ห้าร้อยชักหนึ่ง ทั้งคนและวัว และลาและฝูงแพะแกะ
Numb ThaiKJV 31:29  จงเอาจากครึ่งส่วนของเขา มอบให้แก่เอเลอาซาร์ปุโรหิตเป็นเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 31:30  และจากครึ่งส่วนของคนอิสราเอลนั้น เจ้าจงนำห้าสิบชักหนึ่งจากคน ฝูงวัว ฝูงลา และฝูงแพะแกะ และสัตว์ทั้งหมด มอบให้แก่คนเลวีผู้ดูแลพลับพลาของพระเยโฮวาห์”
Numb ThaiKJV 31:31  และโมเสสกับเอเลอาซาร์ปุโรหิตได้กระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่โมเสส
Numb ThaiKJV 31:32  บรรดาทรัพย์ที่ปล้นได้อันเหลือจากสิ่งที่ทหารริบมาได้นั้น คือ แกะหกแสนเจ็ดหมื่นห้าพันตัว
Numb ThaiKJV 31:33  วัวเจ็ดหมื่นสองพันตัว
Numb ThaiKJV 31:34  ลาหกหมื่นหนึ่งพันตัว
Numb ThaiKJV 31:35  และคน คือผู้หญิงที่ยังไม่เคยนอนร่วมกับชาย ทั้งหมดมีสามหมื่นสองพันคน
Numb ThaiKJV 31:36  และในครึ่งส่วนได้ของคนที่ออกไปทำสงคราม มีแกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว
Numb ThaiKJV 31:37  และส่วนแกะที่เป็นของพระเยโฮวาห์มีหกร้อยเจ็ดสิบห้าตัว
Numb ThaiKJV 31:38  มีวัวสามหมื่นหกพันตัว วัวอันเป็นส่วนของพระเยโฮวาห์เจ็ดสิบสองตัว
Numb ThaiKJV 31:39  มีลาสามหมื่นห้าร้อยตัว ซึ่งเป็นส่วนของพระเยโฮวาห์หกสิบเอ็ดตัว
Numb ThaiKJV 31:40  ส่วนคนนั้นมีหนึ่งหมื่นหกพัน ซึ่งเป็นส่วนของพระเยโฮวาห์สามสิบสองคน
Numb ThaiKJV 31:41  โมเสสได้มอบส่วนที่ชักมาซึ่งเป็นของถวายแด่พระเยโฮวาห์นั้นแก่เอเลอาซาร์ปุโรหิตตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้กับโมเสส
Numb ThaiKJV 31:42  จากครึ่งส่วนของคนอิสราเอลซึ่งโมเสสได้แบ่งมาจากส่วนที่ทหารไปทำสงครามได้มานั้น
Numb ThaiKJV 31:43  (ครึ่งส่วนของชุมนุมชน คือ แกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว
Numb ThaiKJV 31:44  วัวสามหมื่นหกพันตัว
Numb ThaiKJV 31:45  ลาสามหมื่นห้าร้อยตัว
Numb ThaiKJV 31:46  และคนหนึ่งหมื่นหกพันคน)
Numb ThaiKJV 31:47  จากครึ่งส่วนของคนอิสราเอลนั้นโมเสสได้เอาส่วนห้าสิบชักหนึ่ง ทั้งคนและสัตว์ มอบให้แก่คนเลวีผู้ดูแลพลับพลาของพระเยโฮวาห์ ดังที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้
Numb ThaiKJV 31:48  แล้วนายทหารผู้บังคับกองพันทั้งปวง คือนายพันนายร้อยได้เข้ามาใกล้โมเสส
Numb ThaiKJV 31:49  และกล่าวแก่โมเสสว่า “คนใช้ของท่านได้ตรวจนับทหารผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพเจ้าทั้งหลายแล้วไม่มีคนหายไปสักคนเดียว
Numb ThaiKJV 31:50  และข้าพเจ้าทั้งหลายได้นำส่วนที่ถวายแด่พระเยโฮวาห์ ซึ่งต่างคนต่างได้มา คือ สิ่งที่ทำด้วยทองคำ มีกำไลขาและสร้อยคอ แหวนตรา ตุ้มหู และกำไล เพื่อทำการลบมลทินบาปของพวกเราทั้งหลายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์”
Numb ThaiKJV 31:51  โมเสสและเอเลอาซาร์ปุโรหิตก็รับบรรดาสิ่งของที่ทำด้วยทองคำจากเขา
Numb ThaiKJV 31:52  และทองคำทั้งสิ้นจากเครื่องถวายซึ่งเขาได้ถวายแด่พระเยโฮวาห์ จากนายพันและนายร้อย มีน้ำหนักหนึ่งหมื่นหกพันเจ็ดร้อยห้าสิบเชเขล
Numb ThaiKJV 31:53  (ทหารเหล่านั้นต่างคนต่างได้เก็บข้าวของของข้าศึกมา)
Numb ThaiKJV 31:54  โมเสสและเอเลอาซาร์ปุโรหิตได้รับทองคำจากนายพันนายร้อย นำมาในพลับพลาแห่งชุมนุม เป็นที่ระลึกแก่คนอิสราเอลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
Chapter 32
Numb ThaiKJV 32:1  คนรูเบนและคนกาดมีฝูงวัวเป็นอันมาก เขาได้เห็นแผ่นดินยาเซอร์และแผ่นดินกิเลอาด ดูเถิด ที่นั่นเป็นที่เหมาะแก่ฝูงสัตว์
Numb ThaiKJV 32:2  ดังนั้นคนกาดและคนรูเบนจึงมาหาโมเสสและเอเลอาซาร์ปุโรหิตและประมุขของชุมนุมชนกล่าวว่า
Numb ThaiKJV 32:3  “อาทาโรท ดีโบน ยาเซอร์ นิมราห์ เฮชโบน เอเลอาเลห์ เสบาม เนโบ และเบโอน
Numb ThaiKJV 32:4  เป็นแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงทำลายต่อหน้าคนอิสราเอล เป็นแผ่นดินเหมาะกับฝูงสัตว์ และข้าพเจ้าทั้งหลายคนใช้ของท่านมีฝูงวัว”
Numb ThaiKJV 32:5  และเขาทั้งหลายกล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน ขอมอบแผ่นดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์แก่คนใช้ของท่าน ขออย่าพาข้าพเจ้าทั้งหลายข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเลย”
Numb ThaiKJV 32:6  แต่โมเสสพูดกับคนกาดและคนรูเบนว่า “ควรให้พี่น้องของท่านไปทำสงคราม ฝ่ายพวกท่านจะยับยั้งอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ
Numb ThaiKJV 32:7  ทำไมท่านทั้งหลายกระทำให้จิตใจของคนอิสราเอลท้อถอยที่จะยกข้ามไปยังแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ได้ทรงประทานแก่เขา
Numb ThaiKJV 32:8  บิดาของท่านทั้งหลายได้กระทำเช่นนี้ เมื่อเราใช้เขาไปจากคาเดชบารเนียให้สอดแนมดูแผ่นดินนั้น
Numb ThaiKJV 32:9  เมื่อเขาขึ้นไปยังหุบเขาเอชโคล์ และได้เห็นแผ่นดินนั้นแล้ว เขาก็กระทำให้จิตใจคนอิสราเอลท้อถอยที่จะยกเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ได้ทรงประทานแก่เขา
Numb ThaiKJV 32:10  ในวันนั้นพระเยโฮวาห์ทรงกริ้วเขานัก พระองค์ทรงตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้ว่า
Numb ThaiKJV 32:11  ‘แน่ทีเดียวที่ทุกคนซึ่งยกออกจากอียิปต์อายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป จะมิได้เห็นแผ่นดินซึ่งเราได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณที่จะมอบให้อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ เพราะเขาทั้งหลายมิได้ตามเราด้วยใจจริง
Numb ThaiKJV 32:12  เว้นแต่คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์คนเคนัสและโยชูวาบุตรชายนูน เพราะว่าเขาทั้งสองตามพระเยโฮวาห์ด้วยใจจริง’
Numb ThaiKJV 32:13  และความกริ้วโกรธของพระเยโฮวาห์ก็พลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล พระองค์จึงทรงให้เขาเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี จนชั่วอายุที่กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ถูกผลาญไปหมดสิ้น
Numb ThaiKJV 32:14  และดูเถิด ท่านได้เติบโตขึ้นมาแทนบิดาของท่าน เป็นเชื้อสายคนบาปที่จะทวีพระพิโรธของพระเยโฮวาห์ต่ออิสราเอลให้มากยิ่งขึ้น
Numb ThaiKJV 32:15  เพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายหันจากการตามพระองค์ พระองค์จะทรงทอดทิ้งเขาทั้งหลายในถิ่นทุรกันดารอีก และท่านทั้งหลายจะทำลายชนชาติทั้งหมดนี้เสีย”
Numb ThaiKJV 32:16  แล้วเขาทั้งหลายเข้ามาใกล้ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะสร้างคอกสำหรับฝูงแพะแกะที่นี่ และสร้างเมืองสำหรับลูกเด็กเล็กๆทั้งหลาย
Numb ThaiKJV 32:17  แต่เราทั้งหลายจะถืออาวุธพร้อมที่จะไปข้างหน้าคนอิสราเอล จนกว่าเราทั้งหลายจะนำเขาไปถึงที่ของเขา เด็กเล็กของเราจะได้อยู่ในเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบเพราะกลัวชาวแผ่นดินนี้
Numb ThaiKJV 32:18  เราทั้งหลายจะไม่ยอมกลับบ้านจนกว่าคนอิสราเอลจะได้รับมรดกของเขาทุกคน
Numb ThaiKJV 32:19  เพราะเราจะมิได้รับมรดกกับเขาซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นและนอกออกไป เพราะว่ามรดกที่ตกทอดมาถึงเราอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างตะวันออกนี้”
Numb ThaiKJV 32:20  โมเสสจึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ถ้าท่านทั้งหลายจะกระทำเช่นนี้ คือหยิบอาวุธขึ้นเข้าสู่สงครามต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 32:21  และคนของท่านที่ถืออาวุธทุกคนจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ จนกว่าพระองค์จะทรงขับไล่ศัตรูให้พ้นพระองค์
Numb ThaiKJV 32:22  และแผ่นดินนั้นจะพ่ายแพ้ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์แล้ว ภายหลังท่านจึงจะกลับและพ้นจากพันธะที่มีต่อพระเยโฮวาห์และอิสราเอล และแผ่นดินนี้จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์
Numb ThaiKJV 32:23  แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กระทำเช่นนี้ ดูเถิด ท่านทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระเยโฮวาห์ จงรู้แน่เถิดว่า บาปของท่านก็จะตามทัน
Numb ThaiKJV 32:24  จงสร้างเมืองสำหรับเด็กเล็กๆทั้งหลายของท่าน และสร้างคอกสำหรับแพะแกะของท่าน และกระทำตามคำที่ออกจากปากของท่าน”
Numb ThaiKJV 32:25  และคนกาดกับคนรูเบนกล่าวแก่โมเสสว่า “คนใช้ของท่านจะกระทำดังที่เจ้านายของข้าพเจ้าบัญชา
Numb ThaiKJV 32:26  เด็กเล็กๆทั้งหลาย ภรรยาทั้งหลาย ฝูงสัตว์และสัตว์ใช้งานทั้งหมดของเรา จะอยู่ที่นี่ในเมืองกิเลอาด
Numb ThaiKJV 32:27  แต่คนใช้ของท่านทุกคนผู้มีอาวุธทำสงครามจะข้ามไปเพื่อสู้รบต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ดังที่เจ้านายของข้าพเจ้าสั่ง”
Numb ThaiKJV 32:28  เกี่ยวกับเรื่องเขาทั้งหลายนี้โมเสสจึงออกคำสั่งแก่เอเลอาซาร์ปุโรหิตและแก่โยชูวาบุตรชายนูน และแก่หัวหน้าตระกูลของคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 32:29  และโมเสสกล่าวแก่เขาว่า “ถ้าคนกาดและคนรูเบน ทุกคนผู้มีอาวุธที่จะทำสงครามต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปพร้อมกับท่านทั้งหลาย และแผ่นดินนั้นจะพ่ายแพ้ต่อหน้าท่านแล้ว ท่านจงมอบแผ่นดินกิเลอาดให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่เขา
Numb ThaiKJV 32:30  แต่ถ้าเขาไม่ถืออาวุธข้ามไปกับท่าน เขาจะต้องได้ส่วนแผ่นดินคานาอันร่วมกับท่านเป็นกรรมสิทธิ์”
Numb ThaiKJV 32:31  คนกาดกับคนรูเบนตอบว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสกับคนใช้ของท่านอย่างไร เราทั้งหลายจะกระทำอย่างนั้น
Numb ThaiKJV 32:32  เราจะถืออาวุธข้ามไปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์สู่แผ่นดินคานาอัน และที่ดินมรดกของเรานั้นจะคงอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้”
Numb ThaiKJV 32:33  โมเสสได้มอบดินแดนเหล่านี้แก่คนกาด และแก่คนรูเบน และแก่ครึ่งหนึ่งของตระกูลมนัสเสห์บุตรชายโยเซฟ คืออาณาจักรของสิโหนกษัตริย์แห่งคนอาโมไรต์ และอาณาจักรของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน ทั้งแผ่นดินและหัวเมืองตลอดพรมแดน คือหัวเมืองใหญ่ในแผ่นดินนี้ตลอดประเทศ
Numb ThaiKJV 32:34  และคนกาดก็สร้างเมืองดีโบน อาทาโรท อาโรเออร์
Numb ThaiKJV 32:35  อัทโรท โชฟาน ยาเซอร์ โยกเบฮาห์
Numb ThaiKJV 32:36  เบธนิมราห์ และเบธฮาราน ให้เป็นเมืองมีกำแพงล้อมรอบ และสร้างคอกให้แกะ
Numb ThaiKJV 32:37  และคนรูเบนก็สร้างเมืองเฮชโบน เอเลอาเลห์ คีริยาธาอิม
Numb ThaiKJV 32:38  เนโบ และบาอัลเมโอน (ชื่อเหล่านี้ต้องเปลี่ยนใหม่) และสิบมาห์ และตั้งชื่อใหม่ให้แก่เมืองที่เขาสร้างขึ้นนั้น
Numb ThaiKJV 32:39  และคนมาคีร์บุตรชายมนัสเสห์เข้าไปยึดเมืองกิเลอาด และขับไล่พวกอาโมไรต์ซึ่งอยู่ในเมืองนั้น
Numb ThaiKJV 32:40  และโมเสสยกกิเลอาดให้แก่มาคีร์บุตรชายมนัสเสห์และเขาก็เข้าตั้งอยู่ในเมืองนั้น
Numb ThaiKJV 32:41  และยาอีร์บุตรชายมนัสเสห์ยกไปยึดเมืองเล็กๆของเขาเหล่านั้น และเรียกชื่อว่าฮาโวทยาอีร์
Numb ThaiKJV 32:42  และโนบาห์ไปยึดเคนาทและชนบทของเมืองนี้ และเรียกว่าเมืองโนบาห์ตามชื่อของเขา
Chapter 33
Numb ThaiKJV 33:1  ต่อไปนี้เป็นเรื่องระยะทางเดินของคนอิสราเอล เมื่อเขาออกเดินจากแผ่นดินอียิปต์เป็นหมวดหมู่ภายใต้การนำของโมเสสและอาโรน
Numb ThaiKJV 33:2  โมเสสได้จดสถานที่ที่เขาออกเดินทีละระยะๆตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ ต่อไปนี้เป็นระยะตามสถานที่ที่เขาออกเดิน
Numb ThaiKJV 33:3  เขาทั้งหลายพากันเดินจากราเมเสสในเดือนต้น ในวันที่สิบห้าของเดือนต้นนั้น ถัดวันปัสกาไปวันหนึ่งคนอิสราเอลก็ออกเดินด้วยชูมือแห่งชัยชนะท่ามกลางสายตาของชาวอียิปต์ทั้งสิ้น
Numb ThaiKJV 33:4  ขณะนั้นชาวอียิปต์กำลังฝังศพลูกหัวปีทั้งหลายของตน เป็นผู้ที่พระเยโฮวาห์ทรงประหารชีวิตท่ามกลางพวกเขา พระเยโฮวาห์ทรงลงโทษพระทั้งหลายของเขาด้วย
Numb ThaiKJV 33:5  ดังนั้นคนอิสราเอลจึงยกเดินจากราเมเสส และตั้งค่ายที่สุคคท
Numb ThaiKJV 33:6  และเขาทั้งหลายยกเดินจากสุคคท และตั้งค่ายที่เอธามซึ่งอยู่ชายถิ่นทุรกันดาร
Numb ThaiKJV 33:7  และเขาทั้งหลายยกเดินจากเอธาม หันกลับไปยังปีหะหิโรท ซึ่งอยู่ตรงหน้าบาอัลเซโฟน และเขาตั้งค่ายที่หน้าเมืองมิกดล
Numb ThaiKJV 33:8  และเขาทั้งหลายยกเดินจากหน้าปีหะหิโรท ข้ามกลางทะเลเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และเขาทั้งหลายเดินในถิ่นทุรกันดารเอธามระยะทางสามวัน และมาตั้งค่ายที่มาราห์
Numb ThaiKJV 33:9  และเขายกเดินจากมาราห์มาถึงเอลิม ที่เอลิมมีน้ำพุสิบสองแห่งและต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น และเขาตั้งค่ายที่นั่น
Numb ThaiKJV 33:10  เขายกเดินจากเอลิมมาตั้งค่ายที่ทะเลแดง
Numb ThaiKJV 33:11  และเขายกเดินจากทะเลแดงมาตั้งค่ายอยู่ในถิ่นทุรกันดารสีน
Numb ThaiKJV 33:12  และเขายกเดินจากถิ่นทุรกันดารสีนมาตั้งค่ายที่โดฟคาห์
Numb ThaiKJV 33:13  และเขายกเดินจากโดฟคาห์และตั้งค่ายที่อาลูช
Numb ThaiKJV 33:14  และเขายกเดินจากอาลูชและตั้งค่ายที่เรฟีดิม ที่นั่นไม่มีน้ำให้ประชาชนดื่ม
Numb ThaiKJV 33:15  และเขายกเดินจากเรฟีดิมและตั้งค่ายในถิ่นทุรกันดารซีนาย
Numb ThaiKJV 33:16  และเขายกเดินจากถิ่นทุรกันดารซีนายมาตั้งค่ายที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์
Numb ThaiKJV 33:17  และเขาออกเดินจากขิบโรทหัทธาอาวาห์มาตั้งค่ายที่ฮาเซโรท
Numb ThaiKJV 33:18  และเขายกเดินจากฮาเซโรท และตั้งค่ายที่ริทมาห์
Numb ThaiKJV 33:19  และเขายกเดินจากริทมาห์ และตั้งค่ายที่ริมโมนเปเรศ
Numb ThaiKJV 33:20  และเขายกเดินจากริมโมนเปเรศ และตั้งค่ายที่ลิบนาห์
Numb ThaiKJV 33:21  และเขายกเดินจากลิบนาห์ และตั้งค่ายที่ริสสาห์
Numb ThaiKJV 33:22  และเขายกเดินจากริสสาห์ และตั้งค่ายที่เคเฮลาธาห์
Numb ThaiKJV 33:23  และเขายกเดินจากเคเฮลาธาห์และตั้งค่ายที่ภูเขาเชเฟอร์
Numb ThaiKJV 33:24  และเขายกเดินจากภูเขาเชเฟอร์ และตั้งค่ายที่ฮาราดาห์
Numb ThaiKJV 33:25  และเขายกเดินจากฮาราดาห์ และตั้งค่ายที่มักเฮโลท
Numb ThaiKJV 33:26  และเขายกเดินจากมักเฮโลทและตั้งค่ายที่ทาหัท
Numb ThaiKJV 33:27  และเขายกเดินจากทาหัท และตั้งค่ายที่เทราห์
Numb ThaiKJV 33:28  และเขายกเดินจากเทราห์ และตั้งค่ายที่มิทคาห์
Numb ThaiKJV 33:29  และเขายกเดินจากมิทคาห์และตั้งค่ายที่ฮัชโมเนาห์
Numb ThaiKJV 33:30  และเขายกเดินจากฮัชโมเนาห์ และตั้งค่ายที่โมเสโรท
Numb ThaiKJV 33:31  และเขายกเดินจากโมเสโรท และตั้งค่ายที่เบเนยาอะคัน
Numb ThaiKJV 33:32  และเขายกเดินจากเบเนยาอะคันและตั้งค่ายที่โฮร์ฮักกีดกาด
Numb ThaiKJV 33:33  และเขายกเดินจากโฮร์ฮักกีดกาด และตั้งค่ายที่โยทบาธาห์
Numb ThaiKJV 33:34  และเขายกเดินจากโยทบาธาห์ และตั้งค่ายที่อับโรนาห์
Numb ThaiKJV 33:35  และเขายกเดินจากอับโรนาห์ และตั้งค่ายที่เอซีโอนเกเบอร์
Numb ThaiKJV 33:36  และเขายกเดินจากเอซีโอนเกเบอร์ และตั้งค่ายในถิ่นทุรกันดารศิน คือคาเดช
Numb ThaiKJV 33:37  และยกเดินจากคาเดชและตั้งค่ายที่ภูเขาโฮร์ ริมแผ่นดินเอโดม
Numb ThaiKJV 33:38  และอาโรนปุโรหิตได้ขึ้นบนภูเขาโฮร์ตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์และสิ้นชีวิตที่นั่น ในวันที่หนึ่งเดือนที่ห้าปีที่สี่สิบนับตั้งแต่วันที่คนอิสราเอลยกออกจากประเทศอียิปต์
Numb ThaiKJV 33:39  เมื่ออาโรนสิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์นั้น มีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบสามปี
Numb ThaiKJV 33:40  และกษัตริย์เมืองอาราด ชาวคานาอัน ผู้ที่อยู่ทางภาคใต้ในแผ่นดินคานาอัน ได้ยินข่าวว่าคนอิสราเอลยกมา
Numb ThaiKJV 33:41  และเขายกเดินจากภูเขาโฮร์และตั้งค่ายที่ศัลโมนาห์
Numb ThaiKJV 33:42  และเขายกเดินจากศัลโมนาห์ และตั้งค่ายที่ปูโนน
Numb ThaiKJV 33:43  และเขายกเดินจากปูโนน และตั้งค่ายที่โอโบท
Numb ThaiKJV 33:44  และเขายกเดินจากโอโบท มาตั้งค่ายที่อิเยอาบาริม ในดินแดนโมอับ
Numb ThaiKJV 33:45  และเขาออกเดินจากไอยิม และตั้งค่ายที่ดีโบนกาด
Numb ThaiKJV 33:46  และเขายกเดินจากดีโบนกาด และตั้งค่ายที่อัลโมนดิบลาธาอิม
Numb ThaiKJV 33:47  และเขายกเดินจากอัลโมนดิบลาธาอิม และตั้งค่ายในภูเขาอาบาริมหน้าเนโบ
Numb ThaiKJV 33:48  และเขายกเดินจากภูเขาอาบาริม และตั้งค่าย ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค
Numb ThaiKJV 33:49  เขาตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดนตั้งแต่เบธเยชิโมท ไกลไปจนถึงอาเบลชิทธิม ณ ที่ราบโมอับ
Numb ThaiKJV 33:50  และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสส ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโคว่า
Numb ThaiKJV 33:51  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน
Numb ThaiKJV 33:52  เจ้าจงขับไล่ชาวเมืองนั้นออกเสียทั้งหมดให้พ้นหน้าเจ้า และทำลายศิลารูปแกะสลักของเขาเสียให้สิ้น และทำลายรูปเคารพที่หล่อของเขาเสียให้สิ้น และทำลายบรรดาปูชนียสถานสูงของเขาเสีย
Numb ThaiKJV 33:53  และเจ้าจงขับชาวแผ่นดินนั้นออก และเข้าไปตั้งอยู่ในนั้น เพราะเราได้ให้แผ่นดินนั้นให้เจ้าถือกรรมสิทธิ์
Numb ThaiKJV 33:54  เจ้าทั้งหลายจงจับฉลากมรดกที่ดินนั้นตามครอบครัวของเจ้า ครอบครัวที่ใหญ่เจ้าจงให้มรดกส่วนใหญ่ ครอบครัวที่ย่อมเจ้าจงให้มรดกส่วนน้อย ดินผืนใดที่ฉลากตกแก่คนใด ก็เป็นของคนนั้น เจ้าจงรับมรดกตามตระกูลของบรรพบุรุษของเจ้า
Numb ThaiKJV 33:55  แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายมิได้ขับไล่ชาวเมืองนั้นออกเสียให้พ้นหน้าเจ้า ต่อมาผู้ที่เจ้าให้เหลืออยู่นั้นก็จะเป็นอย่างเสี้ยนในนัยน์ตาของเจ้า และเป็นอย่างหนามอยู่ที่สีข้างของเจ้า และเขาทั้งหลายจะรบกวนเจ้าในแผ่นดินที่เจ้าเข้าอาศัยอยู่นั้น
Numb ThaiKJV 33:56  และต่อมาเราจะกระทำแก่เจ้าทั้งหลายดังที่เราคิดจะกระทำแก่เขาทั้งหลายนั้น”
Chapter 34
Numb ThaiKJV 34:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 34:2  “จงบัญชาคนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน (อันเป็นแผ่นดินที่เราให้แก่เจ้าเป็นมรดก คือแผ่นดินคานาอันตามเขตพรมแดนทั้งหมด) นั้น
Numb ThaiKJV 34:3  เขตด้านใต้ของเจ้านับจากถิ่นทุรกันดารศินตามด้านเอโดม และอาณาเขตด้านใต้ของเจ้านั้นนับจากปลายทะเลเกลือทางด้านตะวันออก
Numb ThaiKJV 34:4  และอาณาเขตของเจ้าจะเลี้ยวไปทางใต้เนินสูงอัครับบิม ข้ามไปยังศิน ไปสุดลงที่ด้านใต้คาเดชบารเนีย เรื่อยไปถึงฮาซารัดดาร์ผ่านเรื่อยไปถึงอัสโมน
Numb ThaiKJV 34:5  และอาณาเขตจะเลี้ยวจากอัสโมนถึงแม่น้ำอียิปต์ไปสิ้นสุดลงที่ทะเล
Numb ThaiKJV 34:6  อาณาเขตตะวันตกเจ้าจะได้ทะเลใหญ่และฝั่งทะเลนั้น นี่จะเป็นเขตด้านตะวันตกของเจ้า
Numb ThaiKJV 34:7  ต่อไปนี้เป็นอาณาเขตด้านเหนือของเจ้า คือจากทะเลใหญ่เจ้าจงทำเครื่องหมายเรื่อยไปถึงภูเขาโฮร์
Numb ThaiKJV 34:8  จากภูเขาโฮร์เจ้าจงทำเครื่องหมายเรื่อยไปจนถึงทางเข้าเมืองฮามัท และปลายสุดของอาณาเขตด้านนี้คือเศดัด
Numb ThaiKJV 34:9  แล้วอาณาเขตจะยื่นไปถึงศิโฟรน ไปสิ้นสุดที่ฮาซาเรนัน นี่เป็นอาณาเขตด้านเหนือของเจ้า
Numb ThaiKJV 34:10  เจ้าจงทำเครื่องหมายอาณาเขตด้านตะวันออกของเจ้าจากฮาซาเรนันถึงเชฟาม
Numb ThaiKJV 34:11  และอาณาเขตจะลงมาจากเชฟามถึงริบลาห์ข้างตะวันออกของเมืองอายิน และอาณาเขตจะลงมาถึงไหล่ทะเลคินเนเรททางด้านตะวันออก
Numb ThaiKJV 34:12  และอาณาเขตจะลงมาถึงแม่น้ำจอร์แดนสุดลงที่ทะเลเกลือ นี่เป็นแผ่นดินของเจ้าตามอาณาเขตโดยรอบ”
Numb ThaiKJV 34:13  โมเสสบัญชาคนอิสราเอลกล่าวว่า “นี่เป็นแผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายจะได้จับฉลากรับเป็นมรดก ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาว่า ให้ยกให้แก่ทั้งเก้าตระกูลกับอีกครึ่งตระกูล
Numb ThaiKJV 34:14  เพราะว่าตระกูลคนรูเบนตามเรือนบรรพบุรุษ และตระกูลคนกาดตามเรือนบรรพบุรุษได้รับมรดกของเขาแล้ว คนครึ่งตระกูลมนัสเสห์ก็ได้รับมรดกของเขาแล้วด้วย
Numb ThaiKJV 34:15  ทั้งสองตระกูลและครึ่งตระกูลนั้นได้รับมรดกของเขาที่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ใกล้เมืองเยรีโคด้านตะวันออก ทางดวงอาทิตย์ขึ้น”
Numb ThaiKJV 34:16  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 34:17  “ต่อไปนี้เป็นชื่อบุคคลที่จะแบ่งดินแดนแก่เจ้าทั้งหลาย คือเอเลอาซาร์ปุโรหิต และโยชูวาบุตรชายนูน
Numb ThaiKJV 34:18  ท่านจงนำประมุขของคนทุกตระกูลไป แบ่งดินแดนเพื่อเป็นมรดก
Numb ThaiKJV 34:19  ต่อไปนี้เป็นชื่อของประมุขเหล่านั้น คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์ จากตระกูลยูดาห์
Numb ThaiKJV 34:20  เชมูเอลบุตรชายอัมมีฮูด จากตระกูลคนสิเมโอน
Numb ThaiKJV 34:21  เอลีดาดบุตรชายคิสโลน จากตระกูลเบนยามิน
Numb ThaiKJV 34:22  จากตระกูลคนดานมีประมุขคนหนึ่ง ชื่อบุคคีบุตรชายโยกลี
Numb ThaiKJV 34:23  จากลูกหลานของโยเซฟ จากตระกูลคนมนัสเสห์ มีประมุขชื่อฮันนีเอลบุตรชายเอโฟด
Numb ThaiKJV 34:24  และจากตระกูลคนเอฟราอิมมีประมุขคนหนึ่งชื่อเคมูเอลบุตรชายชิฟทาน
Numb ThaiKJV 34:25  จากตระกูลคนเศบูลุนมีประมุขคนหนึ่งชื่อเอลีซาฟานบุตรชายปารนาค
Numb ThaiKJV 34:26  จากตระกูลคนอิสสาคาร์ มีประมุขคนหนึ่งชื่อปัลทีเอลบุตรชายอัสซาน
Numb ThaiKJV 34:27  และจากตระกูลคนอาเชอร์มีประมุขคนหนึ่งชื่ออาหิฮูดบุตรชายเชโลมี
Numb ThaiKJV 34:28  จากตระกูลคนนัฟทาลีมีประมุขคนหนึ่งชื่อเปดาเฮลบุตรชายอัมมีฮูด”
Numb ThaiKJV 34:29  บุคคลเหล่านี้เป็นคนที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาให้แบ่งมรดกให้คนอิสราเอลในแผ่นดินคานาอัน
Chapter 35
Numb ThaiKJV 35:1  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสส ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโคว่า
Numb ThaiKJV 35:2  “จงบัญชาคนอิสราเอล ให้เขายกเมืองให้คนเลวีได้อาศัยอยู่จากมรดกที่เขาได้รับนั้นบ้าง และยกทุ่งหญ้ารอบๆเมืองนั้นให้คนเลวีด้วย
Numb ThaiKJV 35:3  ให้เมืองนั้นเป็นของเขาเพื่อจะได้อาศัยอยู่ ให้ทุ่งหญ้าเพื่อฝูงสัตว์และทรัพย์สิ่งของและสัตว์ทั้งสิ้นของเขา
Numb ThaiKJV 35:4  ทุ่งหญ้าของเมืองที่เจ้ายกให้แก่คนเลวีนั้นให้มีเขตจากกำแพงเมืองและห่างออกไปหนึ่งพันศอกโดยรอบ
Numb ThaiKJV 35:5  และเจ้าจงวัดภายนอกเมืองสองพันศอกเป็นด้านตะวันออก สองพันศอกเป็นด้านใต้ สองพันศอกเป็นด้านตะวันตก สองพันศอกเป็นด้านเหนือ ให้ตัวเมืองอยู่กลาง นี่เป็นทุ่งหญ้าประจำเมืองเหล่านั้น
Numb ThaiKJV 35:6  เมืองซึ่งเจ้าจะยกให้แก่คนเลวี คือ เมืองลี้ภัยหกเมือง ซึ่งเจ้าจะอนุญาตให้คนฆ่าคนหนีไปอยู่ และเจ้าจงเพิ่มให้เขาอีกสี่สิบสองเมือง
Numb ThaiKJV 35:7  เมืองทั้งหมดที่เจ้ายกให้คนเลวีเป็นสี่สิบแปดหัวเมือง มีทุ่งหญ้าตามเมืองด้วย
Numb ThaiKJV 35:8  และหัวเมืองที่เจ้าจะให้เขาจากกรรมสิทธิ์ของคนอิสราเอลนั้น จากตระกูลใหญ่เจ้าก็เอาเมืองมากหน่อย จากตระกูลย่อมเจ้าก็เอาเมืองน้อยหน่อย ทุกตระกูลตามส่วนของมรดกซึ่งเขาได้รับ ให้ยกให้แก่คนเลวี”
Numb ThaiKJV 35:9  พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า
Numb ThaiKJV 35:10  “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายข้ามแม่น้ำจอร์แดน เข้าในแผ่นดินคานาอัน
Numb ThaiKJV 35:11  เจ้าจงเลือกเมืองให้เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับเจ้า เพื่อคนที่ได้ฆ่าคนโดยมิได้เจตนาจะหลบหนีไปอยู่ที่นั่นก็ได้
Numb ThaiKJV 35:12  ให้เมืองเหล่านั้นเป็นเมืองลี้ภัยจากผู้ที่อาฆาต เพื่อมิให้คนฆ่าคนจะต้องตายก่อนที่เขาจะยืนต่อหน้าชุมนุมชนเพื่อรับการพิพากษา
Numb ThaiKJV 35:13  และเมืองที่เจ้ายกไว้นั้นให้เป็นเมืองลี้ภัยหกเมือง
Numb ThaiKJV 35:14  เจ้าจงให้ทางฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้สามเมือง และอีกสามเมืองในแผ่นดินคานาอัน ให้เป็นเมืองลี้ภัย
Numb ThaiKJV 35:15  ทั้งหกเมืองนี้ให้เป็นเมืองลี้ภัยของคนอิสราเอลและสำหรับคนต่างด้าว และสำหรับคนที่อาศัยอยู่ท่ามกลางเขา เพื่อคนหนึ่งคนใดที่ได้ฆ่าเขาโดยมิได้เจตนาจะได้หลบหนีไปที่นั่น
Numb ThaiKJV 35:16  ถ้าผู้ใดตีเขาด้วยเครื่องมือเหล็กจนคนนั้นถึงตาย ผู้นั้นเป็นฆาตกร ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่
Numb ThaiKJV 35:17  ผู้ใดทุบเขาให้ล้มลงด้วยก้อนหินในมือขนาดฆ่าคนได้ และเขาถึงตาย ผู้นั้นเป็นฆาตกร ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่
Numb ThaiKJV 35:18  หรือผู้ใดใช้อาวุธไม้ที่อยู่ในมือขนาดฆ่าคนได้ตีเขาล้มลงและคนนั้นถึงตาย ผู้นั้นเป็นฆาตกร ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่
Numb ThaiKJV 35:19  ให้ผู้อาฆาตโลหิตเองเป็นผู้ประหารชีวิตฆาตกรนั้น ถ้าผู้อาฆาตพบเขาเมื่อใดก็ให้ประหารชีวิตเสีย
Numb ThaiKJV 35:20  แต่ถ้าผู้ใดแทงเขาด้วยความเกลียดชัง หรือซุ่มคอยขว้างเขาจนเขาตาย
Numb ThaiKJV 35:21  หรือเพราะเป็นศัตรูกันชกเขาล้มลง จนเขาตาย ให้ประหารชีวิตผู้ที่ชกเขานั้นเสียเป็นแน่ ด้วยว่าเขาเป็นฆาตกร เมื่อผู้อาฆาตโลหิตพบเขาเมื่อใด ก็ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสีย
Numb ThaiKJV 35:22  แต่ถ้าผู้ใดโดยมิได้เป็นศัตรูกันแทงเขาทันที หรือเอาอะไรขว้างเขาโดยมิได้คอยซุ่มดักอยู่
Numb ThaiKJV 35:23  หรือใช้ก้อนหินขนาดฆ่าคนได้ขว้างถูกเขาเข้าโดยมิได้เห็น และเขาถึงตาย และเขามิได้เป็นศัตรู และมิได้มุ่งทำร้ายเขา
Numb ThaiKJV 35:24  ก็ให้ชุมนุมชนตัดสินความระหว่างผู้ฆ่าและผู้อาฆาตโลหิตตามคำตัดสินนี้
Numb ThaiKJV 35:25  ให้ชุมนุมชนช่วยผู้ฆ่าให้พ้นจากมือผู้อาฆาตโลหิต ให้ชุมนุมชนพาตัวเขากลับไปถึงเมืองลี้ภัยซึ่งเขาได้หนีไปอยู่นั้น ให้เขาอยู่ที่นั่นจนกว่ามหาปุโรหิตผู้ได้ถูกเจิมไว้ด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ถึงแก่ความตาย
Numb ThaiKJV 35:26  แต่ถ้าผู้ฆ่าคนออกไปพ้นเขตเมืองลี้ภัย ซึ่งเขาหนีเข้าไปอยู่ในเวลาใด
Numb ThaiKJV 35:27  และผู้อาฆาตโลหิตพบเขานอกเขตเมืองลี้ภัย และผู้อาฆาตโลหิตได้ฆ่าผู้ฆ่าคนนั้นเสีย ผู้อาฆาตโลหิตจะไม่มีความผิดเนื่องด้วยโลหิตตกของเขา
Numb ThaiKJV 35:28  เพราะว่าชายผู้นั้นต้องอยู่ในเขตเมืองลี้ภัยจนมหาปุโรหิตถึงแก่ความตาย ภายหลังเมื่อมหาปุโรหิตถึงแก่ความตายแล้ว ผู้ฆ่าคนนั้นจะกลับไปยังแผ่นดินที่เขาถือกรรมสิทธิ์อยู่ก็ได้
Numb ThaiKJV 35:29  สิ่งเหล่านี้ควรเป็นกฎเกณฑ์แห่งคำตัดสินของเจ้าตลอดชั่วอายุของเจ้าในที่อาศัยทั้งปวงของเจ้า
Numb ThaiKJV 35:30  ผู้ใดฆ่าเขาตาย ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียตามปากของพยาน แต่อย่าประหารชีวิตผู้ใดด้วยมีพยานปากเดียว
Numb ThaiKJV 35:31  ยิ่งกว่านั้นอีก เจ้าอย่ารับค่าไถ่ชีวิตของฆาตกรผู้มีความผิดถึงตายนั้น แต่เขาต้องตายแน่
Numb ThaiKJV 35:32  และเจ้าอย่ารับค่าไถ่คนที่หลบหนีไปยังเมืองลี้ภัยเพื่อให้กลับมาอยู่ในแผ่นดินของเขาก่อนที่มหาปุโรหิตสิ้นชีวิต
Numb ThaiKJV 35:33  ดังนั้นเจ้าจึงไม่กระทำให้แผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายอาศัยอยู่มีมลทิน เพราะว่าโลหิตทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน และไม่มีสิ่งใดที่จะชำระแผ่นดินให้หมดมลทินที่เกิดขึ้นเพราะโลหิตตกในแผ่นดินนั้นได้ นอกจากโลหิตของผู้ที่ทำให้โลหิตตก
Numb ThaiKJV 35:34  เจ้าอย่ากระทำให้เกิดมลทินในแผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่ ที่เราอยู่ท่ามกลาง เพราะว่าเราคือพระเยโฮวาห์อยู่ท่ามกลางคนอิสราเอล”
Chapter 36
Numb ThaiKJV 36:1  หัวหน้าครอบครัวคนกิเลอาด บุตรชายของมาคีร์ ผู้เป็นบุตรชายของมนัสเสห์ ครอบครัวต่างๆของบุตรชายโยเซฟ เข้ามาใกล้และพูดต่อหน้าโมเสสและต่อหน้าประมุข คือบรรดาหัวหน้าคนอิสราเอล
Numb ThaiKJV 36:2  เขาพูดว่า “พระเยโฮวาห์ได้บัญชาเจ้านายของข้าพเจ้าให้จับฉลากยกแผ่นดินให้เป็นมรดกแก่คนอิสราเอล และเจ้านายของข้าพเจ้าได้รับบัญชาจากพระเยโฮวาห์ให้ยกมรดกของเศโลเฟหัดพี่น้องของเราแก่บุตรสาวของเขา
Numb ThaiKJV 36:3  ถ้าเธอทั้งหลายแต่งงานกับบุตรชายทั้งหลายของคนอิสราเอลตระกูลอื่นแล้ว ส่วนมรดกของบรรพบุรุษของเราจะเพิ่มให้กับมรดกของคนตระกูลที่เธอไปอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นจึงเป็นการที่นำมรดกไปจากส่วนที่เป็นของเรา
Numb ThaiKJV 36:4  และเมื่อถึงปีเสียงแตรของคนอิสราเอล มรดกที่เป็นส่วนของเธอก็จะถูกยกไปเพิ่มเข้ากับส่วนของตระกูลที่เธอไปอยู่ด้วย จึงเป็นการที่นำส่วนมรดกของเธอไปจากส่วนมรดกของตระกูลบิดาของเรา”
Numb ThaiKJV 36:5  และโมเสสบัญชาคนอิสราเอลตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ว่า “ตระกูลคนโยเซฟพูดถูกต้องแล้ว
Numb ThaiKJV 36:6  นี่คือสิ่งที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาเกี่ยวกับบุตรสาวของเศโลเฟหัด ซึ่งว่า ‘จงให้เธอแต่งงานกับใครที่เธอพอใจ แต่เธอต้องแต่งงานกับคนภายในครอบครัวตระกูลบิดาของเธอ
Numb ThaiKJV 36:7  ดังนี้แหละส่วนมรดกของคนอิสราเอลจะไม่ถูกโยกย้ายจากตระกูลหนึ่งไปให้อีกตระกูลหนึ่ง คนอิสราเอลทุกคนต้องอยู่ในที่มรดกแห่งตระกูลบรรพบุรุษของตน
Numb ThaiKJV 36:8  และบุตรสาวทุกคนผู้รับกรรมสิทธิ์มรดกในตระกูลคนอิสราเอลตระกูลใด ให้เป็นภรรยาของคนใดคนหนึ่งในครอบครัวในตระกูลบิดาของตน เพื่อคนอิสราเอลทุกคนจะถือกรรมสิทธิ์มรดกของบิดาของเขา
Numb ThaiKJV 36:9  ดังนั้นจะไม่มีมรดกที่ถูกโยกย้ายจากตระกูลหนึ่งไปยังอีกตระกูลหนึ่ง เพราะว่าคนอิสราเอลแต่ละตระกูลควรคงอยู่ในที่มรดกของตน’”
Numb ThaiKJV 36:10  พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสอย่างไร บุตรสาวทั้งหลายของเศโลเฟหัดก็กระทำอย่างนั้น
Numb ThaiKJV 36:11  เพราะว่ามาลาห์ ทีรซาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และโนอาห์ บุตรสาวของเศโลเฟหัด ได้แต่งงานกับบุตรชายทั้งหลายของพี่น้องแห่งบิดาของตน
Numb ThaiKJV 36:12  เธอได้แต่งงานกับครอบครัวคนมนัสเสห์บุตรชายของโยเซฟ และส่วนมรดกของเธอก็คงอยู่ในตระกูลแห่งครอบครัวบิดาของเธอ
Numb ThaiKJV 36:13  ข้อความเหล่านี้เป็นบทบัญญัติและคำตัดสินซึ่งพระเยโฮวาห์ได้ทรงบัญชาทางโมเสสแก่คนอิสราเอล ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโค